ทำ SEO

เริ่มทำ SEO ตอนไหนจะดีที่สุด

เริ่มทำ SEO ตอนไหนจะดีที่สุด

เวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้น SEO คือโดยเร็วที่สุด ไม่มีช่วงเวลาที่ “สมบูรณ์แบบ” แม้แต่ช่วงเดียว และประโยชน์จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ

1.การเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ ตามหลักการแล้ว บูรณาการกลยุทธ์ SEO ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างไซต์ การใช้เมตาแท็กที่เหมาะสม และการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงและเกี่ยวข้อง

2.การสร้างเนื้อหา รวมความพยายาม SEO ในขณะที่คุณสร้างเนื้อหา ค้นคว้าคำหลักที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้และรวมเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ

3.การรีแบรนด์/การออกแบบใหม่ หากปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณ ให้ประเมินและปรับปรุง SEO ในช่วงเวลานี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการออกแบบใหม่ช่วยรักษาหรือปรับปรุงองค์ประกอบ SEO

4.การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง SEO กำลังดำเนินการอยู่ ตรวจสอบและอัปเดตเนื้อหาเป็นประจำ เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับคำหลักใหม่และปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา

5.แคมเปญการตลาด ก่อนที่จะเปิดตัวแคมเปญการตลาด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นมิตรกับ SEO พร้อมหน้า Landing Page ที่ปรับให้เหมาะกับคำหลักที่เกี่ยวข้องและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี

6.SEO ท้องถิ่น สำหรับธุรกิจที่มีการดำเนินงานในท้องถิ่น ให้เน้นไปที่องค์ประกอบ SEO ในท้องถิ่นตั้งแต่ต้น เพิ่มประสิทธิภาพรายชื่อ Google My Business ของคุณ รับการอ้างอิงในท้องถิ่น และรับรองข้อมูลทางธุรกิจที่สอดคล้องกันบนแพลตฟอร์มออนไลน์

7.การวิเคราะห์ประสิทธิภาพเว็บไซต์ วิเคราะห์ประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำโดยใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง ติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ และทำการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลเพื่อปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์ของคุณ

8.การขยายธุรกิจ เมื่อขยายธุรกิจของคุณหรือกำหนดเป้าหมายตลาดใหม่ ให้ปรับกลยุทธ์ SEO ของคุณให้เหมาะสม

SEO เป็นการลงทุนระยะยาว ยิ่งคุณเริ่มต้นเร็วเท่าไร คุณจะเห็นผลลัพธ์และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการปรากฏตัวทางออนไลน์ของเว็บไซต์ของคุณเร็วขึ้นเท่านั้น

 

การทำ SEO เป็นอย่างไร เรียนรู้ด้วยตัวเองได้หรือไม่

การทำ SEO เป็นอย่างไร เรียนรู้ด้วยตัวเองได้หรือไม่

หลายคนคงได้ยินเรื่อง SEO กันบ่อย ๆ อยากทราบใช่ไหมว่าคืออะไร “SEO” (ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization) หมายถึงการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อดึงดูดคนเข้าเว็บทำให้ติดอันดับหน้าแรกๆ บน Google ทำเว็บให้มีคุณภาพและมีคนเข้ามาดูเว็บมากขึ้นเรื่อยๆ พูดง่ายๆ ว่าการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บคือการทำให้มียอดจำหน่ายมากขึ้นในระยะยาวนั่นเอง ทีนี้มาดูกันว่าแนวทางการทำ SEO เป็นอย่างไร

การทำ SEO เป็นแนวทางการดึงเว็บไซต์ให้เลื่อนขึ้นมาอยู่อันดับต้น ๆ ในหน้าแรกของ Googleทำให้ผู้คนมองเห็นก่อนและแวะมาเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น ถือเป็นเรื่องปกติที่คนเห็นเว็บไหนก่อนก็จะเลือกคลิกเว็บนั้น หากเว็บอยู่ในหน้าแรกก็มีโอกาสถูกคลิกมากถึง 95% ยิ่งอยู่อันดับแรก ๆ จะมีคนคลิกสูงมาก สำหรับวิธีการดันเว็บไซต์ติดหน้า 1 ต้องปรับแก้รายละเอียดหลายอย่าง ทั้งการใส่คีย์เวิร์ดในบทความ การเพิ่ม Backlink ที่มีคุณภาพมายังเว็บ ส่งผลให้มีโอกาสติดอันดับดี ๆ ในผลการค้นหาและมียอดผู้ชมเว็บไซต์มากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเงินโปรโมต

การเขียนบทความถูกหลัก SEO นั้นก็ไม่ได้ง่ายหรือยากเกินไป ส่วนใหญ่คนทำธุรกิจไม่มีเวลามักจะจ้างบริษัทหรือผู้เชี่ยวชาญมาทำ SEO ให้ รวมถึงจ้างนักเขียนมาช่วยเขียนบทความให้ด้วย ช่วยให้บทความได้รับความสนใจและเว็บไซต์มีปริมาณผู้ชมมากขึ้นจนสามารถทะยานไต่อันดับไปอยู่หน้าแรก ๆ ได้ในที่สุด เนื่องจากปัจจุบันผู้คนจำนวนมากค้นหาข้อมูลสินค้าทางอินเทอร์เน็ต หากติดอันดับหน้าแรกได้ทำให้คนเห็นก่อนจะมีโอกาสขายได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google จึงเป็นเรื่องสำคัญ
คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่กำลังสงสัยว่าการทำ SEO ด้วยตัวเองทำได้หรือไม่ จริง ๆ แล้วทำได้หลังจากเรียนรู้เข้าใจความหมายของ SEO แล้ว เพราะการจ้างบริษัททำ SEO ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในระยะยาวและต้องทำจ่ายเงินส่วนนี้ไปอย่างต่อเนื่อง

ข้อควรรู้อะไรก่อนเริ่มทำ SEO ต้องเข้าใจสิ่งที่ควรปรับปรุงด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหน้าเว็บไซต์ โดยกำหนด Header, Body และ Footer ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญ เริ่มจาก Header บริเวณด้านบนสุดของหน้าเว็บใช้แสดงชื่อเว็บไซต์ ที่สามารถทำลิงก์ข้ามไปหน้าอื่นในเว็บไซต์ได้ พร้อมทั้งกำหนดชื่อเรื่องหรือ Title ภายในเว็บไซต์ทั้งหมด ถัดไปเป็น Body หรือส่วนกลางของเว็บไซต์ที่ใส่เนื้อหาข้อมูล รูปภาพและวิดีโอ สุดท้ายคือ Footer ส่วนล่างของเว็บไซต์สำหรับใส่ลิงก์ไปหน้าอื่นๆ ได้ ทั้งหมดนี้ต้องวางแผนทำตามลำดับอย่างเป็นระบบ ซึ่งหมายความว่าจะเขียนบทความน่าอ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องทั้งใส่คีย์เวิร์ดแล้วอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ และต้องทำการจัดระเบียบหน้าเว็บไปจนถึงการจัดลิงก์ต่างๆ บนหน้าเว็บให้สอดคล้องกันด้วย
สำหรับมือใหม่อาจจะคิดว่ายุ่งยาก มีเรื่องจุกจิกมาก แต่เชื่อเถอะหากได้เรียนรู้และทำ SEO อย่างเหมาะสม แล้วทำให้คอนเทนต์นั้นมีประสิทธิภาพและทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

SEO tools ที่มีให้คุณเลือกใช้ได้ฟรี มีอะไรบ้าง

SEO tools ที่มีให้คุณเลือกใช้ได้ฟรี มีอะไรบ้าง

เพราะเราต่างก็ทราบกันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า การใช้ SEO นั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้อย่างเห็นผล เพราะ SEO ช่วยปรับปรุงการจัดอันดับแรงค์กิ้งเว็บไซต์ของคุณให้ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ ขอแพลตฟอร์มเสิร์ชเอนจิ้น แต่การปรับปรุงปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ด้วยการใช้ SEO ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยทั้งความรู้และความเชี่ยวชาญ อีกทั้งการทำ SEO ยังถือว่าเป็นงานใหญ่ แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก เพราะในที่สุดคุณก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ของคุณ ข่าวดีก็คือสามารถทำได้ด้วยตนเองเช่นกันด้วยการใช้ SEO tools

SEO tools ที่มีให้คุณเลือกใช้ได้ฟรีมีอะไรบ้าง
บทความนี้เราจะช่วยให้คุณได้มีทางลัดตัวช่วยในการทำ SEO ด้วยการใช้ SEO tools เพื่อช่วยในการวิจัยและวิเคราะห์การปรับปรุงการจัดอันดับเว็บไซต์ผ่านการตลาดออนไลน์ และด้วยการใช้ SEO tool คุณจะสามารถสร้างประสิทธิภาพในการปรับปรุงการจัดอันดับเว็บไซต์บนเมตาแท็กซ์ของแพลตฟอร์มออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลได้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังมี SEO tools ให้คุณสามารถเลือกใช้ฟรี ๆ ได้อีกด้วย ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกัน

1.Google PageSpeed Insights
เครื่องมือ SEO tools ที่จะช่วยตรวจสอบในเชิงลึกเกี่ยวกับความเร็ว ความสามารถในการเข้าถึง และการใช้งานเว็บไซต์ของคุณจาก Google โดยจะทดสอบเวลาในการโหลดและประสิทธิภาพของการเข้าถึง URL ของเว็บไซต์ของคุณ

2.Ahrefs Webmaster Tools
เครื่องมือ SEO tools นี้จะช่วยให้คุณเห็นการจัดอันดับคำค้นหลักทั่วไปของเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของคุณและจะให้คำแนะนำในการปรับปรุงการเชื่อมโยงคำค้นหลักกับเว็บไซต์ของคุณ ช่วยให้คุณตรวจสอบและปรับปรุงการเพิ่มอันดับของคุณในเสิร์ชเอนจิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นเครื่องมือการตรวจสอบทางเทคนิคที่มีประโยชน์มาก

3.Google Analytics
เครื่องมือ SEO tools ที่แสดงสถิติเว็บไซต์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการค้นหา ได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องมือในเชิงวิเคราะห์ที่เปิดให้ใช้ฟรีที่ทรงพลังที่สุด เพราะสามารถติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ได้ทุกบิท พร้อมทั้งรายงานผลการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณว่าได้รับการเยี่ยมชมจากการค้นหาโดยทั่วไปหรือไม่อย่างไร ทำให้คุณเห็นเส้นทางการเชื่อมโยงของคุณจากผู้เข้าชมได้อย่างชัดเจนที่สุด

SEO tools เหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการทำ SEO ได้อย่างมากมาย ช่วยลดเวลาการวิจัยหาคำค้นหลักซึ่งเป็นงานที่น่าเบื่อและต้องใช้เวลานาน ด้วยการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจาก SEO tools คุณจะสามารถได้รับประโยชน์จาก Big Data ซึ่งคุณจะวิเคราะห์ได้ว่า เว็บไซต์ของคุณควรจะใช้กลยุทธ์อะไร และควรจะปรับแต่งอย่างไร อีกทั้งยังช่วยให้คุณติดตามคู่แข่งเพื่อสร้างโอกาสให้เร็วที่สุดและดีที่สุดได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีเว็บไซต์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของธุรกิจหลายเว็บไซต์ การใช้ SEO tools จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ

เหตุผลที่ธุรกิจออนไลน์ทำ SEO แล้วไม่ปัง

เหตุผลที่ธุรกิจออนไลน์ทำ SEO แล้วไม่ปัง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกธุรกิจในยุคปัจจุบันนี้ต้องอาศัยช่องทางการทำออนไลน์เพิ่มมากขึ้น จะยึดช่องทางการค้าขายแบบออฟไลน์อย่างเดียวก็เห็นท่าว่าน่าจะไปไม่รอด โลกออนไลน์จึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวงจรธุรกิจไปโดยปริยาย

จริงอยู่ที่ว่า การทำการค้าผ่านระบบออนไลน์ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำออนไลน์อย่างไรให้ได้ผลกับธุรกิจนี้เอง ที่ถือว่าเป็นเรื่องยาก และเป็นบทเรียนที่นักธุรกิจจำเป็นต้องเรียนรู้ ซึ่งตัวช่วยในการทำออนไลน์ที่นักธุรกิจน่าจะรู้จักกันดีคงหนีไม่พ้นเรื่องการทำ SEO เป็นแน่ ตัวช่วยในการค้นหาเว็บไซต์ด้วยคีย์เวิร์ดที่จะนำผู้ชมไปสู่หน้าเว็บไซต์สินค้าได้อย่างรวดเร็ว แถมยังช่วยทำให้หน้าเว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ที่จะทำให้ผู้ชมได้เห็นก่อนหน้าเว็บไซต์อื่นนั่นเอง

ฟังดูเผิน ๆ ก็เหมือนจะเป็นเรื่องง่าย ว่าหากสามารถทำ SEO ให้ติดอันดับเว็บไซต์ได้ ก็จะมีคนเข้ามาชมมาช้อป ซื้อสินค้าบริการมากยิ่งขึ้น เหมือนเว็บฟุตบอล ทีเด็ดบอล ที่รับป้ายโฆษณาเว็บพนันกันเยอะถ้ามีทราฟฟิคคนเข้าเยอะ แต่ความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายธุรกิจที่ต่อให้ทำ SEO ดีแค่ไหน ก็ไม่ช่วยให้การขายสินค้าและบริการดีขึ้น นั่นอาจเป็นเพราะสาเหตุดังนี้

ไม่มีความแปลกใหม่ : การสร้างบทความที่ดีมีคุณภาพนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งในการถูกจัดอันดับ SEO ให้ดีขึ้นได้จริง แต่อย่าลืมว่าปัจจุบัน บทความที่ดีมีคุณภาพนั้นมีเยอะแบบเกลื่อนตลาดเลยก็ว่าได้ สิ่งเดียวที่จะทำให้ SEO ถูกดันไปอยู่อันดับต้น ๆ ได้ ต้องอาศัยบทความที่ดี มีคุณภาพ และมีความแปลกใหม่ ไม่ใช้งานคัดลอกหรือยืมของคนอื่นมา หรือไม่ใช่งานกลวง ๆ ที่มีแต่คีย์เวิร์ดแต่ไม่มีสาระใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน

ทำ Keyword แบบหว่าน : มักชอบมีคนเข้าใจผิดว่า การทำ SEO คือต้องอาศัยคีย์เวิร์ดเป็นตัวการสำคัญอย่างเดียว จริงอยู่ที่ว่าคีย์เวิร์ดจะเป็นตัวนำไปสู่เว็บไซต์เมื่อเกิดการค้นหา แต่การจับคีย์เวิร์ดยัดแบบผิดประเด็นเนื้อหาของเว็บไซต์ จะยิ่งทำให้กลายเป็นบทความที่ไร้คุณภาพและไม่ได้ถูกดันให้ขึ้นติดอันดับ SEO นั่นเอง

เว็บไซต์ไร้การดึงดูด : เมื่อใดที่โครงสร้างเว็บไซต์เป็นที่น่าสนใจและสามารถชักชวนผู้ชมเข้ามาชมได้มากขึ้น และใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์นั้นนานขึ้น Google ก็จะทำการเก็บสถิติเหล่านี้เพื่อนำไปดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับ SEO เมื่อมีการค้นหา หน้าตาเว็บไซต์จึงถือว่าเป็นด่านแรกที่จะตัดสินว่าสามารถดึงดูดผู้ชมได้มากน้อยเพียงใด

มองข้าม Mobile และ Tablet : ปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่จะชมเว็บไซต์ผ่านทางหน้าจอมือถือ หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อื่น ๆ มากกว่าการชมผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ หากนักธุรกิจไม่มีการปรับโหมดเว็บไซต์สำหรับอุปกรณ์เหล่านี้ด้วย จะให้เว็บไซต์ถูกมองข้ามจากทั้งผู้บริโภคและ Google และไม่ถูกผลักดันให้ติดอันดับ SEO ก็ได้

เรื่องของการทำ SEO อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายของนักธุรกิจบางคน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจำเป็นที่นักธุรกิจต้องเรียนรู้และลงมือทำ เพื่อการนำพาสินค้าและบริการของธุรกิจเข้าสู่ตลาดที่กว้างมากยิ่งขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงเหมือนการโฆษณา ยอมอดทนเพื่อการเรียนรู้และลงมือทำเสียหน่อย อย่างน้อยก็มีแต่จะได้มากกว่าเสียอย่างแน่นอน