Month: มิถุนายน 2019

อยากทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต้องรู้จัก SEO และ SEM

อยากทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต้องรู้จัก SEO และ SEM

การทำธุรกิจในปัจจุบันนิยมใช้ช่องทางออนไลน์เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์มือถือและระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อการสื่อสารตลอดจนการหาข้อมูลของสินค้าและบริการตลอด 24 ชั่วโมง การเปิดเว็บไซต์ออนไลน์จึงเป็นที่นิยมเพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและทำให้มีประสิทธิภาพในการแข่งขันกับสินค้าของแบรนด์คู่แข่งได้ดียิ่งขึ้น

การทำ SEO และ SEM จึงเป็นสิ่งที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจมาไว้ที่นี่แล้ว

SEO หรือ Search Engine Optimization

1. การทำ SEO สามารถเห็นผลได้จริง เพีงแต่ต้องใช้เวลา เนื่องจาก SEO เป็นการพัฒนาคุณภาพของเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ระบบ Algorithm ของ Search Engine อย่าง Yahoo และ Google วิเคราะห์เพื่อจัดอันดับเปรียบเทียบกับเว็บไซต์อื่น ๆ ให้ได้อันดับที่สูง เมื่อมีการสะสมข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จากการผลิตบทความ SEO และสร้างสื่อมัลติมีเดียที่ช่วยส่งเสริมการขายที่ดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มาก ก็จะทำให้ได้อันดับในการสืบค้นที่ดียิ่งขึ้นตามมาด้วย

2. การทำเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นระบบโทรศัพท์หน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เนื่องจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะพกพาโทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการหาข้อมูลและสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ แทบทุกที่ 24 ชั่วโมง การทำเว็บไซต์ให้สวยงามและใช้งานง่าย โดยไม่จำกัดเครื่องมือทางเทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

3. การเชื่อมโยงลิงก์ของเว็บไซต์ภายนอกกับเว็บไซต์ทางธุรกิจ จะทำให้เข้าถึงผู้ที่กำลังประสบปัญหาต้องการคำแนะนำหรือมองหาสิ่งช่วยอำนวยความสะดวกอยู่ หากคุณมีความรู้และมีความถนัดในเรื่องเหล่านั้น ก็สามารถที่จะเข้าไปแนะนำตอบคำถามและแนบ Link ของเว็บไซต์คุณ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่นำไปสู่การขายสินค้าในอนาคตได้

SEM หรือ Search Engine Marketing

เป็นการประมูลพื้นที่ในการโฆษณาเว็บไซต์ ในอันดับ 1-5 ของหน้าต่างการสืบค้น จะทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่พิมพ์ Keyword ค้นหา และทำให้มียอดการขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการทำ SEM จะมีค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของการประมูลและจ่ายเพิ่มตามจำนวนครั้งของผู้ชมที่คลิกเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณ เรียกว่าเป็นการจ่ายแบบ PPC หรือ Pay Per Click ที่คุณจะต้องมีการตั้งงบประมาณไว้ให้พร้อมเสมอ ดังนั้นโดยภาพรวม การทำ SEM จึงเห็นผลเร็ว แต่ก็เสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำ SEO

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO และ SEM มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน คุณสามารถที่จะนำมาทั้งสองเทคนิคมาปรับประยุกต์ใช้แบบผสมผสานกันได้ หวังว่าบทความนี้จะทำให้ท่านที่สนใจการทำธุรกิจนำไปเป็นแนวทางในการศึกษาเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้นต่อไป

การทำ SEO และ SEM

อย่าลืมใช้ Google Keyword Planner ให้เป็นประโยชน์

สำหรับใครหลาย ๆ คนที่วางแผนจะทำเว็บไซต์หรือจะขายสินค้าบางอย่าง ที่ต้องการให้ผู้คนได้เข้ามาเยี่ยมชมหรือเลือกซื้อสินค้า ผ่าน Google Search Engine ของ Google แล้ว Keyword เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน เพราะทาง Google ได้รวบรวมบรรดาคำค้นหาต่าง ๆ ผ่านทาง SEO และนำมาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์คำค้นหา ซึ่งคนที่จะทำเว็บนั้น รับรองได้เลยว่าจะต้องไม่พลาดเครื่องมือตัวนี้แน่นอนนั้นคือ Google Keyword Planner นั่นเอง Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนทำเว็บ ดูสถิติการค้นหาคำ ที่คนทั่วโลกต้องการหาข้อมูล ที่ทาง Google พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้คนทำเว็บได้วางแผนลงโฆษณา Google Adwords เพื่อที่จะได้วางแผนในการปรับปรุงแก้ไขเว็บไซต์ให้ติดอันดับใน Google นั่นเอง

จะเข้าใช้งานได้อย่างไร

อันดับแรกคุณต้องมี Account Gmail ก่อน เมื่อมีแล้วถึงจะสามารถสมัคร Google Adwords ได้ เมื่อ login เข้าไปแล้วก็จะเจอหน้าแรก ซึ่งไว้แสดงภาพรวมในการสร้างโฆษณาของคุณเอง เมื่อคุณต้องการเข้าใช้งาน Google Adwords Planner ให้สังเกตจะมีรูปประแจบนมุมขวามือของหน้าจอ ให้คลิกเข้าไปได้เลย

หน้าแนวคิดของ Keyword

จะเป็นภาพรวมของคำที่ค้นหามากที่สุด จะมีคำว่าอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง การค้นหาโดยเฉลี่ยในแต่ละเดือนมีปริมาณเท่าไร การแข่งขันเป็นอย่างไร ราคาที่เสนอถูกหรือแพง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถกำหนดงบประมาณในการโฆษณาเองได้ เพราะ Keyword เปรียบเสมือนตัวที่ใช้เชื่อมกันกับ SEO ที่เมื่อมีคนค้นหาแล้ว Google จะทำหน้าที่ในการนำเสนอหน้าเว็บไซต์ของคุณผ่านหน้าเพจ Google นั่นเอง ซึ่งสามารถที่จะเลือกดูได้ 5 แบบ คือ

  • กำหนดเอง
  • เดือนที่ผ่านมา
  • 12 เดือนที่ผ่านมา
  • 24 เดือน
  • และทั้งหมดที่มี

ท่านเองสามารถกำหนดช่วงเวลาดูด้วยตัวเองได้หมด

Google Keyword Planner

ตาราง keyword มีส่วนสำคัญอะไรบ้าง

ในส่วนของตาราง Keyword นั้นจะประกอบไปด้วย

  1. คีย์เวิร์ดความความเกี่ยวข้อง เมื่อคุณทำการค้นหาคำที่ต้องการผ่าน Google ทางระบบก็จะคำนวณและประเมินผลคำที่เกี่ยวข้องกันมาด้วย เช่น เมื่อคุณต้องการหาคำว่า “มือสอง” ระบบก็จะทำการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องมาด้วย เช่น สินค้ามือสอง, ขายของมือสอง, ซื้อ-ขายของมือสอง เป็นต้น
  2. การค้นหารายเดือนโดยเฉลี่ย ใช้แสดงผลการค้นหา Keyword ที่ทำการค้นหาและคำใกล้เคียง โดยดูจากการตั้งค่ากำหนดเป้าหมายตามช่วงเวลาที่เลือกไว้ ซึ่งสามารถที่จะดูคำค้นหาที่เป็นที่นิยมของปีนั้นได้ เช่น ช่วงเทศกาลปีใหม่ คนก็จะมักค้นหาคำว่า ของขวัญ เป็นต้น
  3. การแข่งขัน แสดงถึงระดับความสามารถในการแข่งขันของโฆษณานั้น ๆ แบ่งเป็นระดับการแข่งขันต่ำ ปานกลางและสูง
  4. ส่วนแบ่งการแสดงผลโฆษณา คือจำนวนการแสดงผลที่คุณจะได้รับ หารด้วย จำนวนการค้นหารวมของสถานที่ตั้งและเครือข่ายที่กำหนดเป้าหมายไว้ ซึ่งถ้าข้อมูลที่ Google ได้รับไม่เพียงพอก็จะเห็นเป็นเครื่องหมาย – ไว้
  5. ราคาเสนอสำหรับด้านบนของหน้า แบ่งออกเป็นสองคอลัมน์คือ ช่วงต่ำ และ ช่วงสูง ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยอ้างอิงตามประวัติที่บรรดาผู้ลงโฆษณาเคยจ่ายสำหรับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ทั้งนี้ ราคา CPC อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าโฆษณาและพื้นที่ตั้งของธุรกิจ ราคาเสนอที่แสดงไว้นั้น จะทำให้สามารถวางแผนงบประมาณโฆษณาได้ง่ายยิ่งขึ้น
  6. สถานะบัญชี จะแสดงว่า Keyword นั้น ๆ อยู่ในบัญชีแล้วหรือไม่

เพราะการที่คุณทำเว็บแล้วไม่มีคนเข้ามาเยี่ยมชมเลยก็เปรียบเสมือนเว็บร้าง ซึ่งเมื่อทำเว็บมาไม่ตรงจุดประสงค์หรือคนค้นหาไม่เจอก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยและต้องปิดตัวไปในที่สุด ดังนั้นการที่จะทำ SEO จึงจำเป็นต้องรู้ถึงสถิติของคำที่คนค้นหาบ่อยที่สุด ในช่วงเวลาที่ถูกต้องและราคาที่ไม่แพง