Keyword

การทำ SEO ปี2024 ของคุณให้ติดอันดับ 1 ใน Google 

การทำ SEO 2024 เตรียมเว็บไซต์ของคุณให้ติดอันดับ 1 ใน Google 

SEO สามารถปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณบน Google ได้อย่างมาก แต่ไม่ได้รับประกันว่าจะเป็นที่ 1 SEO ครอบคลุมกลยุทธ์และยุทธวิธีมากมายที่มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณสำหรับเครื่องมือค้นหา ด้วยการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ คุณจะสามารถเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณ ดึงดูดปริมาณการเข้าชมทั่วไปมากขึ้น และอาจไต่อันดับการค้นหาได้ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยหลายประการนอกเหนือจาก SEO ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับ ได้แก่

1.การแข่งขัน การจัดอันดับสูงสำหรับคำหลักที่มีการแข่งขันสูงนั้นมีความท้าทายมากขึ้น

2.คุณภาพและความเกี่ยวข้องของเนื้อหา Google จัดลำดับความสำคัญของเว็บไซต์ด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและคุณภาพสูงซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.ประสบการณ์ผู้ใช้ เครื่องมือค้นหาจะพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ เช่น ความเร็วของเว็บไซต์ ความเหมาะกับมือถือ และประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมเพื่อจัดอันดับเว็บไซต์

4.ลิงก์ย้อนกลับ การมีลิงก์ย้อนกลับคุณภาพสูงจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงอื่นๆ บ่งบอกถึงความไว้วางใจและอำนาจในเครื่องมือค้นหา

SEO ในปี 2024 เน้นย้ำถึงแนวโน้มสำคัญหลายประการ

-มุ่งเน้นไปที่เนื้อหาพิเศษ หมดยุคของเนื้อหาที่เต็มไปด้วยคำหลักแล้ว Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ให้ข้อมูล น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ซึ่งโดนใจผู้ใช้

-การใช้ประโยชน์จาก AI เครื่องมือ AI สามารถช่วยในการวิจัย การสร้างเนื้อหา และการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ความเชี่ยวชาญของมนุษย์ยังคงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

-SEO ที่ยั่งยืน การสร้างอำนาจและความไว้วางใจผ่านหลักปฏิบัติด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งสำคัญ

-เทคนิค SEO การดูแลรากฐานทางเทคนิคที่แข็งแกร่งยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรวบรวมข้อมูลและการจัดทำดัชนีของเครื่องมือค้นหา

การติดตามแนวโน้มเหล่านี้อยู่เสมอและการใช้กลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับสูงขึ้นบน Google ได้อย่างมาก แต่การรับประกันว่าอันดับ 1 ต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมซึ่งจัดการกับปัจจัยการจัดอันดับทั้งหมด ท้ายที่สุดแล้ว SEO เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องใช้ความพยายามและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง 

 

บริษัทรับทำ SEO ทำอะไร มีบทบาทยังไงในธุรกิจ

บริษัทรับทำ SEO ทำอะไร มีบทบาทยังไงในธุรกิจ

สำหรับธุรกิจที่กำลังดำเนินตลาดบนโลกออนไลน์ ในยุคนี้คงจะไม่มีใครปฏิเสธความสำคัญของการทำ SEO ไปได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการดันอันดับเว็บไซต์และสร้างช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพได้อย่างตรงจุด แต่การที่บริษัทจะลงมือทำ SEO ด้วยตนเองเป็นเรื่องยุ่งยากและอาจไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ควร จึงเกิดธุรกิจบริษัทรับทำ SEO ขึ้นมา โดยพวกเขามีบทบาทหน้าที่ดังต่อไปนี้

1.สร้างคีย์เวิร์ดที่ส่งผลดีต่อธุรกิจมากที่สุด
จุดตัดสินว่า SEO ที่ทำจะสามารถจับจุดตลาดได้อยู่หมัดหรือไม่ คือการเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมากที่สุด และมีปริมาณการค้นหาที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งบริษัทที่ดูแลเกี่ยวกับ SEO จะมีความสามารถในการทำรีเสิร์ชคีย์เวิร์ดที่มีคุณภาพได้ ทำให้การวางแผนสร้างคอนเทนต์บนโลกออนไลน์มีเป้าหมายและแบบแผนที่แน่นอน

2.สร้างคอนเทนต์ตามหลัก SEO
การสร้างคอนเทนต์บนเว็บไซต์ธุรกิจไม่ได้เน้นไปที่ปริมาณเพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องใส่ใจคุณภาพของเนื้อหา ซึ่งถ้าจะสร้างให้ตรงกับหลักการของ SEO มีข้อปฏิบัติยิบย่อยมากมายจนผู้ประกอบการอาจมองข้ามไป ในขณะที่บริษัทที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ SEO จะเข้าใจข้อกำหนดเหล่านั้นและสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ออกมาได้อย่างถูกต้อง

3.ยกระดับคอนเทนต์บนเว็บไซต์
หลายบริษัทอาจจะมีเว็บไซต์เก่าของตนเองที่เคยสร้างไว้ แต่ผลลัพธ์เรื่องอันดับการค้นหาอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ บริษัทสามารถแก้ไขโครงสร้างของเว็บไซต์และเนื้อหาเหล่านั้นให้มีองค์ประกอบที่ครบถ้วนที่น่าจะถูกใจอัลกอริทึมของ Google จึงสามารถดันอันดับให้สูงขึ้นผ่านบริการของบริษัททำ SEO ได้นั่นเอง

4.สร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ
ไม่ใช่เพียงแค่เนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ต้องได้รับการใส่ใจ แต่ Backlink ที่เชื่อมโยงกลับมาที่หน้าเพจนับว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะต้องมีการสร้างคอนเทนต์เป็นจำนวนมากพอสมควรและยังต้องเป็นลิงก์ที่มีคุณภาพอีกด้วย ซึ่งบริษัททำ SEO สามารถเติมเต็มช่องว่างนี้ได้เป็นอย่างดี

5.สรุปรายงานติดตามคุณภาพเว็บไซต์
หลังจากดำเนินการทาง SEO อย่างครบถ้วนแล้ว จะต้องมีการติดตามผลและปรับปรุงให้ไปถึงเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบริษัททำ SEO จะมีหน้าที่จัดทำรายงานสรุปความเคลื่อนไหวและกระแสตลาดที่เกิดจาก SEO อย่างลงลึกและตรงประเด็น ทำให้สามารถนำไปต่อยอดกับการขยายธุรกิจให้มั่นคงยิ่งขึ้นได้

จะเห็นได้ว่าบทบาทของบริษัททำ SEO มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจทุกด้าน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในระยะยาวอย่างแน่นอน ซึ่งโดยทั่วไปการลงทุนเรื่อง SEO มีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ด้านอื่น ๆ จึงทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจทุกขนาด แม้แต่ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้เช่นกัน จึงนับเป็นการตลาดออนไลน์ที่ผู้ประกอบการทุกคนไม่สามารถมองข้ามได้เลยในปัจจุบัน

อยากให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก ต้องเรียนรู้ประโยชน์จาก SERP

อยากให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก ต้องเรียนรู้ประโยชน์จาก SERP

การจะทำให้เว็บไซต์อยู่ในหน้าจอแสดงผลของ Google อันดับต้น ๆ เมื่อมีการสืบค้นด้วย keyword หรือคำสำคัญหนึ่ง ๆ ได้ เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเทคนิคสองส่วน คือ SEO และ SEM ซึ่งผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้รวดเร็ว ควรรู้จักเรียนรู้ประโยชน์จาก SERP ใน Google ให้มากที่สุด ดังที่เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกัน ดังนี้

SERP ย่อมาจากคำว่า Search Engine Result Page หมายถึงหน้าต่างที่แสดงผลการค้นหาเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ขึ้นกับ keyword ที่คนใช้

ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังทำธุรกิจร้านขายไอศกรีม โดยเช่าพื้นที่ในสยาม ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีร้านคู่แข่งจำนวนมาก คุณจึงต้องการให้ผู้คนรู้จักร้านอย่างรวดเร็ว โดยให้ค้นหาเจอร้านคุณได้ง่าย ๆ บน SERP ของ Google คุณก็ต้องใช้ keyword ที่น่าสนใจ เช่น ร้านไอติม อร่อย สยาม ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้การหา keyword ที่มีคุณภาพได้จาก Google Search Console ด้วย เมื่อมีคนพิมพ์หาร้านไอศกรีมด้วยคำนี้ ก็จะปรากฏผลเว็บไซต์ออกมา ซึ่งหากมีเว็บไซต์ของร้านคุณแสดงในอันดับต้น ๆ ก็จะมีคนสนใจและแวะไปอุดหนุนมากขึ้นได้

โดยหลักการตลาดแล้ว ผลการสืบค้นใน SERP ของ Google จะแยกเป็น 2 ส่วน คือ

ส่วนของ SEO หรือ อีกชื่อคือ organic SERP listings ที่มาจากการพัฒนาเว็บไซต์ทางธุรกิจของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์ที่ปรากฏในหน้าจอการสืบค้นส่วนนี้ จะได้มาจากการประมวลเปรียบเทียบคุณภาพเว็บไซต์ของระบบ algorithm ใน Google ที่มีการเก็บข้อมูลอย่างละเอียดและวิเคราะห์อย่างซับซ้อน มีการอัปเดตผลที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูงและทำให้ผู้ใช้งาน Google มีความมั่นใจในร้านค้าต่าง ๆ ที่ปรากฏอันดับต้น ๆ เป็นอย่างมาก

ส่วนของ SEM ที่มาจากการเช่าพื้นที่โฆษณา มีอีกชื่อว่า paid SERP listings

เว็บไซต์ที่ใช้เทคนิคการตลาดแบบเช่าพื้นที่โฆษณาจะได้รับผลที่ดีด้านยอดขายและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในระยะสั้น 1-2 วัน กรณีนี้เจ้าของธุรกิจจะมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า เว็บไซต์ตนเองจะแสดงอยู่ในอันดับที่ 1 ถึง 3 ของหน้าจอ Google แน่นอน ซึ่งเราจะสามารถสังเกตเห็นได้ว่ามีคำว่าโฆษณาหรือสปอนเซอร์อยู่ที่หน้าเว็บไซต์เหล่านั้น

ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถประมูลพื้นที่โฆษณาแข่งกับเจ้าของเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ต้องการใช้ keyword ในการสืบค้นเดียวกัน และชำระค่าโฆษณาให้แก่ Google แบบ pay per click หรือ ตามจำนวนการคลิกเข้ามาชม ซึ่งสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ตามวงเงินและช่วงเวลาที่ต้องการ

จะเห็นได้ว่า หากประสงค์จะทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ต้องศึกษาผ่าน SERP ที่แสดงผลการทำทั้ง SEO และ SEM ของเว็บไซต์ชั้นนำใน keyword นั้น ๆ แล้วนำมาปรับปรุงเว็บไซต์ในแนวทางที่คล้ายคลึงกัน เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นแนวทางให้ทุกท่านสนใจศึกษาเรียนรู้ประโยชน์จาก SERP เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มอำนาจการแข่งขันในธุรกิจออนไลน์ต่อไป

ผลการสืบค้นใน SERP ของ Google

ประโยชน์ของปลั๊กอินที่ใช้คู่กับโปรแกรม wordpress ทำ SEO

ประโยชน์ของปลั๊กอินที่ใช้คู่กับโปรแกรม wordpress ทำ SEO

โปรแกรม wordpress ช่วยในการพัฒนาเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ SEO ที่ Google กำหนดได้ ซึ่งมีการออกแบบปลั๊กอินให้เสริมประสิทธิภาพของ wordpress ทำงานดียิ่งขึ้น ทั้งยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ที่ผู้ทำเว็บไซต์ออนไลน์ควรรู้ด้วย

ประโยชน์จากปลั๊กอินที่คุณจะได้จากการดาวน์โหลดใช้งานคู่กับ wordpress มีดังนี้

1. ช่วยในการแชทกับลูกค้าและเก็บข้อมูลรายบุคคล

ความต่อเนื่องในการคุยกับลูกค้าแต่ละราย ที่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ ทำให้มีความสะดวกในการสั่งสินค้าและสร้างความประทับใจมากขึ้น ปลั๊กอินที่ทำเช่นนี้ได้ คือ MobileMonkey’s WP-Chatbot ที่จะทำให้คุยได้สะดวกผ่านระบบ Messenger ใน Facebook

2. ช่วยในการเลือกคีย์เวิร์ดและออกแบบส่วนต่างๆในเพจ

การคิดชื่อหัวข้อบทความ การเลือก keyword ที่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันกับเว็บไซต์คู่แข่งอื่น การทำ meta-description ที่ครอบคลุมเนื้อหาในเพจ ฯลฯ คือ หัวใจสำคัญของการทำ SEO ที่ปลั๊กอิน Yoast SEO สามารถช่วยคุณทำได้ นับว่าเป็นปลั๊กอินที่คนทำเว็บไซต์ทั่วไปรู้จัก สามารถที่จะทำให้อันดับ SEO ของเว็บไซต์คุณสูงขึ้นได้ในเวลารวดเร็ว

3. ช่วยป้องกันมัลแวร์หรือไวรัสที่จะเป็นอันตรายต่อระบบ

การรักษาความลับลูกค้าและเสริมความปลอดภัยของข้อมูลตัวสินค้าและบริษัทเป็นสิ่งจำเป็นที่ปลั้กอิน อย่าง Jetpack สามารถทำให้ได้ ทั้งยังมีความสามารถวิเคราะห์เพื่อเพิ่มอันดับ SEO ให้แก่บทความและรูปภาพของคุณได้ด้วย

4. ช่วยป้องกันการก่อกวนจากผู้ไม่หวังดี

เราอาจเคยเห็นเพจหรือเว็บไซต์ที่มีผู้ไม่หวังดีมาใช้คำไม่สุภาพ พิมพ์ข้อความที่ไม่เป็นความจริง เพื่อลดความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า รวมถึงการโพสต์ข้อความซ้ำ ๆ เป็นการรบกวนสายตาของผู้ใช้บริการเว็บไซต์รายอื่น สิ่งเหล่านี้เรียกว่าสแปม การดาวน์โหลดปลั๊กอินที่ชื่อว่า Akismet Anti-Spam สามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ โดยคุณสามารถเลือกคำที่ไม่ต้องการให้คนโพสต์ได้ด้วยตัวเอง

5. ช่วยให้การช้อปปิ้งของลูกค้ามีความสะดวกมากขึ้น

ตัวช่วยสำคัญที่คนทำเว็บไซต์รุ่นใหม่รู้จัก คือ WooCommerce ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถหยิบสินค้าตามหมวดหมู่ต่าง ๆ ลงในตะกร้าช้อปปิ้งได้ง่ายสะดวกขึ้น ทั้งยังช่วยแนะนำว่าสินค้าต่อไปที่ควรเลือกซื้อหรือเกี่ยวข้องกับสินค้าที่เลือกมาแล้วมีรายการใดบ้าง จึงช่วยเพิ่มยอดขายให้กับเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ช่วยคำนวณราคาสินค้า ค่าจัดส่ง และดูแลเรื่องระบบการชำระเงินที่มีหลายช่องทางได้อย่างแม่นยำ

จะเห็นได้ว่า ปลั๊กอินในปัจจุบันถูกออกแบบให้มาตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเภทธุรกิจของเว็บไซต์ออนไลน์มากยิ่งขึ้น การเลือกดาวน์โหลดปลั๊กอินที่เหมาะสมมาใช้งานคู่กับ wordpress จะช่วยให้อันดับ SEO เว็บไซต์ของคุณสูงขึ้น และทำให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

ประโยชน์จากปลั๊กอินที่คุณจะได้จากการดาวน์โหลดใช้งาน

เตือนภัย SEO แบบไหนเสี่ยงโดนแบน

เตือนภัย SEO แบบไหนเสี่ยงโดนแบน

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการพัฒนาเว็บไซต์ให้เข้าสู่มาตรฐานเดียวกัน โดยกำหนดเกณฑ์จากผู้ให้บริการ Search Engine อย่าง Bing, Yahoo และ Google ทำให้ผู้สืบค้นได้รับความประทับใจในการหาข้อมูลที่รวดเร็วตรงใจผู้ประกอบการยุคใหม่จึงนิยมทำเว็บไซต์ออนไลน์ ตามระบบ SEO ทั้งทำด้วยการศึกษาเองและการจ้างผู้เชี่ยวชาญในบริษัทรับจ้างทำ SEO

แต่ทั้งนี้ ก็มีผู้ทำ SEO จำนวนไม่น้อยที่ใช้เทคนิควิธีลัด ที่ทำให้อันดับการสืบค้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกแบนเว็บไซต์จากระบบ Algorithm ที่ Search Engine ใช้ในการวิเคราะห์ด้วย จะมีวิธีใดบ้างที่ไม่ควรทำ เราได้รวบรวมไว้ที่นี่แล้ว

1. การทำ Backlink แบบไม่โปร่งใส เช่น การเปิดเว็บไซต์ เพจหรือบล็อกจำนวนมาก ๆ แล้วก็สร้างการเชื่อมโยงกันเอง หากระบบ AI ตรวจพบ ก็จะถูกแบนจากระบบทั้งหมด

2. การ Copy เนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมาใส่ในเว็บไซต์ของตัวเอง โดยที่ไม่ได้มีการอัพเดตใหม่หรือปรับปรุงเนื้อหาใด ๆ จึงทำให้ระบบตรวจสอบได้ว่าถูก Copy มาซึ่งเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ทางที่ดี ควรจะเลือก Keyword ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใช้ในการค้นหาข้อมูลของสินค้าและบริการที่คุณจำหน่าย แล้วก็สร้างบทความสาระใหม่ ๆ ข้อมูลอัปเดตด้วยตัวเอง

3. ลิงก์ที่เชื่อมโยงมีความเสียหาย โดยเฉพาะผู้ที่ทำเว็บไซต์รุ่นเก่ามานับสิบปี ควรจะเช็คว่า ลิงก์ ที่เคยทำไว้นั้นเชื่อมโยงได้จริงหรือไม่ หากขึ้นว่า Page Not Found หรือ Page Error ต้องแก้ไขโดยไว เพราะมีผลต่อความมั่นใจของผู้ใช้บริการ ขณะเดียวกัน ระบบของ Search Engine ก็ยังตรวจเจอความผิดพลาดเหล่านี้ได้ ซึ่งจะทำให้ถูกประมวลผลออกมาว่าเป็นเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

4. Hosting ไม่มีคุณภาพ Hosting เปรียบได้กับผู้บริหารนัดตลาดนัด ที่คุณต้องเลือกให้ดีสำหรับการเช่าแผงขายสินค้า หากเลือก Hosting ที่มีบริการบริหารจัดการไม่ดี เช่น การดาวน์โหลดข้อมูลใช้เวลานาน Server ล่มบ่อย จะทำให้ลูกค้าของคุณและผู้ใช้บริการไม่ประทับใจ ส่งผลให้อาจไม่กลับมาใช้อีก จึงควรเลือก Hosting ที่มีโปรแกรมเมอร์ชำนาญสูงและใช้ Server ที่มีประสิทธิภาพพอเหมาะที่จะรองรับธุรกิจของคุณได้อย่างต่อเนื่อง

5. ใส่ Keyword มากเกินไป ในแต่ละเพจ ถ้าใช้จำนวนคำ Keyword และความถี่มากเกินไป ทำให้เป็นการยัดเยียดให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกรำคาญ ไม่เป็นที่ประทับใจแก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และยังทำให้ถูกวิเคราะห์ว่าเป็นบทความคุณภาพต่ำหรือ Spam ด้วย

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ที่ไม่เหมาะสมทั้งในส่วนของเนื้อหาบทความและส่วนของโครงสร้างและระบบ Hosting ล้วนกระทบต่อการเสี่ยงโดนแบนจาก Server ได้ ผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ที่ทำ SEO ด้วยตัวเองหรือแม้แต่จ้างบริษัทเอกชนทำ SEO จึงควรใส่ใจทำ SEO ที่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์

Search Engine ใช้ในการวิเคราะห์

อย่าลืมใช้ Google Keyword Planner ให้เป็นประโยชน์

สำหรับใครหลาย ๆ คนที่วางแผนจะทำเว็บไซต์หรือจะขายสินค้าบางอย่าง ที่ต้องการให้ผู้คนได้เข้ามาเยี่ยมชมหรือเลือกซื้อสินค้า ผ่าน Google Search Engine ของ Google แล้ว Keyword เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน เพราะทาง Google ได้รวบรวมบรรดาคำค้นหาต่าง ๆ ผ่านทาง SEO และนำมาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์คำค้นหา ซึ่งคนที่จะทำเว็บนั้น รับรองได้เลยว่าจะต้องไม่พลาดเครื่องมือตัวนี้แน่นอนนั้นคือ Google Keyword Planner นั่นเอง Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนทำเว็บ ดูสถิติการค้นหาคำ ที่คนทั่วโลกต้องการหาข้อมูล ที่ทาง Google พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้คนทำเว็บได้วางแผนลงโฆษณา Google Adwords เพื่อที่จะได้วางแผนในการปรับปรุงแก้ไขเว็บไซต์ให้ติดอันดับใน Google นั่นเอง

จะเข้าใช้งานได้อย่างไร

อันดับแรกคุณต้องมี Account Gmail ก่อน เมื่อมีแล้วถึงจะสามารถสมัคร Google Adwords ได้ เมื่อ login เข้าไปแล้วก็จะเจอหน้าแรก ซึ่งไว้แสดงภาพรวมในการสร้างโฆษณาของคุณเอง เมื่อคุณต้องการเข้าใช้งาน Google Adwords Planner ให้สังเกตจะมีรูปประแจบนมุมขวามือของหน้าจอ ให้คลิกเข้าไปได้เลย

หน้าแนวคิดของ Keyword

จะเป็นภาพรวมของคำที่ค้นหามากที่สุด จะมีคำว่าอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง การค้นหาโดยเฉลี่ยในแต่ละเดือนมีปริมาณเท่าไร การแข่งขันเป็นอย่างไร ราคาที่เสนอถูกหรือแพง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถกำหนดงบประมาณในการโฆษณาเองได้ เพราะ Keyword เปรียบเสมือนตัวที่ใช้เชื่อมกันกับ SEO ที่เมื่อมีคนค้นหาแล้ว Google จะทำหน้าที่ในการนำเสนอหน้าเว็บไซต์ของคุณผ่านหน้าเพจ Google นั่นเอง ซึ่งสามารถที่จะเลือกดูได้ 5 แบบ คือ

  • กำหนดเอง
  • เดือนที่ผ่านมา
  • 12 เดือนที่ผ่านมา
  • 24 เดือน
  • และทั้งหมดที่มี

ท่านเองสามารถกำหนดช่วงเวลาดูด้วยตัวเองได้หมด

Google Keyword Planner

ตาราง keyword มีส่วนสำคัญอะไรบ้าง

ในส่วนของตาราง Keyword นั้นจะประกอบไปด้วย

  1. คีย์เวิร์ดความความเกี่ยวข้อง เมื่อคุณทำการค้นหาคำที่ต้องการผ่าน Google ทางระบบก็จะคำนวณและประเมินผลคำที่เกี่ยวข้องกันมาด้วย เช่น เมื่อคุณต้องการหาคำว่า “มือสอง” ระบบก็จะทำการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องมาด้วย เช่น สินค้ามือสอง, ขายของมือสอง, ซื้อ-ขายของมือสอง เป็นต้น
  2. การค้นหารายเดือนโดยเฉลี่ย ใช้แสดงผลการค้นหา Keyword ที่ทำการค้นหาและคำใกล้เคียง โดยดูจากการตั้งค่ากำหนดเป้าหมายตามช่วงเวลาที่เลือกไว้ ซึ่งสามารถที่จะดูคำค้นหาที่เป็นที่นิยมของปีนั้นได้ เช่น ช่วงเทศกาลปีใหม่ คนก็จะมักค้นหาคำว่า ของขวัญ เป็นต้น
  3. การแข่งขัน แสดงถึงระดับความสามารถในการแข่งขันของโฆษณานั้น ๆ แบ่งเป็นระดับการแข่งขันต่ำ ปานกลางและสูง
  4. ส่วนแบ่งการแสดงผลโฆษณา คือจำนวนการแสดงผลที่คุณจะได้รับ หารด้วย จำนวนการค้นหารวมของสถานที่ตั้งและเครือข่ายที่กำหนดเป้าหมายไว้ ซึ่งถ้าข้อมูลที่ Google ได้รับไม่เพียงพอก็จะเห็นเป็นเครื่องหมาย – ไว้
  5. ราคาเสนอสำหรับด้านบนของหน้า แบ่งออกเป็นสองคอลัมน์คือ ช่วงต่ำ และ ช่วงสูง ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยอ้างอิงตามประวัติที่บรรดาผู้ลงโฆษณาเคยจ่ายสำหรับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ทั้งนี้ ราคา CPC อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าโฆษณาและพื้นที่ตั้งของธุรกิจ ราคาเสนอที่แสดงไว้นั้น จะทำให้สามารถวางแผนงบประมาณโฆษณาได้ง่ายยิ่งขึ้น
  6. สถานะบัญชี จะแสดงว่า Keyword นั้น ๆ อยู่ในบัญชีแล้วหรือไม่

เพราะการที่คุณทำเว็บแล้วไม่มีคนเข้ามาเยี่ยมชมเลยก็เปรียบเสมือนเว็บร้าง ซึ่งเมื่อทำเว็บมาไม่ตรงจุดประสงค์หรือคนค้นหาไม่เจอก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยและต้องปิดตัวไปในที่สุด ดังนั้นการที่จะทำ SEO จึงจำเป็นต้องรู้ถึงสถิติของคำที่คนค้นหาบ่อยที่สุด ในช่วงเวลาที่ถูกต้องและราคาที่ไม่แพง

หลักพื้นฐานในการทำ SEO เบื้องต้นมีอะไรบ้าง?

หลักพื้นฐานในการทำ SEO เบื้องต้นมีอะไรบ้าง?

สำหรับการทำ SEO ในเบื้องต้นนั้น เราควรเริ่มต้นศึกษารายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับ SEO ให้ดีเสียก่อน เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจถึงกระบวนการทำ SEO โดยรวม แล้วจึงค่อย ๆ เริ่มต้นศึกษาหลักในการทำ SEO ไปทีละสเต็ป ๆ แบบเจาะลึกอีกที เพราะการทำ SEO จำเป็นจะต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจของแต่ละคนเป็นหลัก ส่งผลทำให้การทำ SEO ของเทพ SEO แต่ละท่านไม่เหมือนกัน เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นย่อมขึ้นอยู่กับประสบการณ์ เทคนิค พร้อมทั้งการวิเคราะห์และการสังเกตการณ์ของแต่ละคนโดยตรงนั่นเอง ส่วนถ้าหากใครอยากจะศึกษาหรือเรียนรู้ด้วยตนเองก็ยังคงสามารถทำได้ เพื่อที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับธุรกิจของคุณได้ในอนาคต โดยลำดับแรก ๆ ที่คุณจะต้องเรียนรู้ นั่นก็คือ พื้นฐานผ่านการทำ SEO

On page และ off page

On page คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ของเราเพื่อที่จะทำให้ bot ของทาง google นั้นได้เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคีย์เวิร์ด หรือแม้กระทั่งการใส่ meta tag ซึ่งจริง ๆ แล้วการปรับ on page ให้เป็นที่ชื่นชอบของ google จำเป็นจะต้องอาศัยข้อมูลที่หลากหลายเป็นสำคัญ เพื่อบ่งบอกว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพดีจริง นั่นเอง

ส่วน off page เปรียบเสมือนเป็นการส่ง link ที่มาจากเว็บไซต์ภายนอกโดยตรง ซึ่ง bot ของ google จะทำการติดตาม link เหล่านี้ ซึ่งถ้าหากไม่มีลิงค์ที่ส่งตรงมายังเว็บไซต์ของเราแล้ว bot ก็จะไม่ค้นพบเว็บไซต์ของเรา สุดท้ายก็มีผลทำให้เกิด index ช้าได้ในที่สุด

Backlink

การทำ backlink จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับการทำ off page แต่การทำ backlink คือการทำให้ลิงค์จากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีคุณภาพ ได้ส่งตรงมายังเว็บไซต์ของเราโดยตรง ซึ่งเราจะสามารถหวังพึ่งผลทาง SEO ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มี ranking สูงกว่าเป็นหลัก มักจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีเสมอ

การทำ content

ในส่วนของเนื้อหาถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากทางด้าน google ได้ตรวจค้นพบว่าบทความภายในเว็บไซต์ของเรา เป็นบทความที่ก็อปปี้คนอื่นเขามา google จะพิจารณาให้เว็บไซต์ของเราไม่ index ในที่สุด

Keyword

รายละเอียดส่วนใหญ่จะแอบแฝงอยู่ใน content เนื่องจากผู้เข้าชมมักจะใช้คีย์เวิร์ดเพื่อทำการค้นหา เพราะฉะนั้นแล้วคีย์เวิร์ดจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นพื้นฐานผ่านการทำ SEO ซึ่งในกรณีที่เราได้เน้นย้ำไปกับการทำ SEO พื้นฐานทั้งหมดนี้อย่างครบถ้วน และได้มีการศึกษาและทำ SEO แบบเจาะลึกทีละเรื่อง เพื่อให้การทำ SEO ของเรามีลักษณะที่ครอบคลุมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม ย่อมส่งผลดีต่อเว็บไซต์ของเราเป็นที่แน่นอน