การทำ SEO

หลักการทำ SEO ให้ถูกหลัก และติดหน้าแรก ต้องทำอย่างไร

หลักการทำ SEO ให้ถูกหลัก และติดหน้าแรก ต้องทำอย่างไร

การทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google นั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและเป็นเรื่องราวที่ต้องปรับปรุงอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม นี่คือบางขั้นตอนหลักที่สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูงขึ้น

คำสำคัญ (Keywords) และคำว่านิยม (Search Intent) : ค้นหาคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณและมีความนิยมในการค้นหา เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นนั้น การเข้าใจความต้องการในการค้นหา (search intent) ก็สำคัญเช่นกัน เพราะมันจะช่วยให้เนื้อหาของคุณตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้นหา

เนื้อหามีคุณภาพ : สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจสำหรับผู้อ่าน เพื่อให้ผู้ใช้มีความพึงพอใจและต้องการแชร์เนื้อหาของคุณ

โครงสร้างของเว็บไซต์ : ออกแบบและสร้างโครงสร้างของเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ URL ที่สื่อถึงเนื้อหา การใช้ Heading Tags (H1, H2, H3) อย่างเหมาะสม และการสร้าง Internal Links ที่เชื่อมโยงกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

การจัดการ On-Page Optimization : ปรับแต่งหัวข้อและคำอธิบาย (Title Tags & Meta Descriptions) เพื่อให้สอดคล้องกับคำสำคัญที่เกี่ยวข้อง การใช้คำสำคัญในเนื้อหา การใช้ภาพที่มีแท็ก Alt Text และการจัดรูปแบบข้อความให้เป็นไปตามมาตรฐาน SEO

การปรับปรุงความเร็วในการโหลด : ความเร็วในการโหลดของเว็บไซต์มีผลต่อประสิทธิภาพใน SEO และประสบการณ์ของผู้ใช้ การปรับปรุงระบบโหลดของเว็บไซต์ เช่น การลดขนาดของรูปภาพ การใช้ CDN (Content Delivery Network) และการจัดการการโหลดสคริปต์

การสร้าง Backlinks : สร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความเชื่อถือและอิทธิพลของเว็บไซต์ของคุณในสายตาของเครื่องมือค้นหา

ติดตามและประเมินผล : ใช้เครื่องมือวัดผล SEO เพื่อติดตามความสำเร็จของกิจกรรม SEO และปรับปรุงกิจกรรมต่าง ๆ ตามผลลัพธ์ที่ได้รับ

การปรับปรุงต่อไป : โลกของ SEO เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นควรอยู่เสมอในการศึกษาและปรับปรุงกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโดเมนนี้

การทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่มันเป็นการลงทุนที่มีค่าในการสร้างการเชื่อมั่นและการเจริญเติบโตของธุรกิจออนไลน์ของคุณในระยะยาว

เริ่มทำ SEO ตอนไหนจะดีที่สุด

เริ่มทำ SEO ตอนไหนจะดีที่สุด

เวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้น SEO คือโดยเร็วที่สุด ไม่มีช่วงเวลาที่ “สมบูรณ์แบบ” แม้แต่ช่วงเดียว และประโยชน์จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ

1.การเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ ตามหลักการแล้ว บูรณาการกลยุทธ์ SEO ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างไซต์ การใช้เมตาแท็กที่เหมาะสม และการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงและเกี่ยวข้อง

2.การสร้างเนื้อหา รวมความพยายาม SEO ในขณะที่คุณสร้างเนื้อหา ค้นคว้าคำหลักที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้และรวมเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ

3.การรีแบรนด์/การออกแบบใหม่ หากปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณ ให้ประเมินและปรับปรุง SEO ในช่วงเวลานี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการออกแบบใหม่ช่วยรักษาหรือปรับปรุงองค์ประกอบ SEO

4.การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง SEO กำลังดำเนินการอยู่ ตรวจสอบและอัปเดตเนื้อหาเป็นประจำ เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับคำหลักใหม่และปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา

5.แคมเปญการตลาด ก่อนที่จะเปิดตัวแคมเปญการตลาด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นมิตรกับ SEO พร้อมหน้า Landing Page ที่ปรับให้เหมาะกับคำหลักที่เกี่ยวข้องและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี

6.SEO ท้องถิ่น สำหรับธุรกิจที่มีการดำเนินงานในท้องถิ่น ให้เน้นไปที่องค์ประกอบ SEO ในท้องถิ่นตั้งแต่ต้น เพิ่มประสิทธิภาพรายชื่อ Google My Business ของคุณ รับการอ้างอิงในท้องถิ่น และรับรองข้อมูลทางธุรกิจที่สอดคล้องกันบนแพลตฟอร์มออนไลน์

7.การวิเคราะห์ประสิทธิภาพเว็บไซต์ วิเคราะห์ประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำโดยใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง ติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ และทำการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลเพื่อปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์ของคุณ

8.การขยายธุรกิจ เมื่อขยายธุรกิจของคุณหรือกำหนดเป้าหมายตลาดใหม่ ให้ปรับกลยุทธ์ SEO ของคุณให้เหมาะสม

SEO เป็นการลงทุนระยะยาว ยิ่งคุณเริ่มต้นเร็วเท่าไร คุณจะเห็นผลลัพธ์และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการปรากฏตัวทางออนไลน์ของเว็บไซต์ของคุณเร็วขึ้นเท่านั้น

 

ทำไมถึงต้องทำ SEO

ทำไมถึงต้องทำ SEO

SEO ย่อมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาและเป็นกระบวนการในการปรับปรุงการมองเห็นและการจัดอันดับของเว็บไซต์หรือหน้าเว็บในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) ทำได้โดยการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อให้เกี่ยวข้องกับคำหลักที่ผู้ใช้กำลังค้นหามากขึ้น

มีเหตุผลหลายประการที่คุณต้องทำ SEO ได้แก่

1.เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าชมเว็บไซต์ การค้นหาทั่วไปเป็นแหล่งที่มาอันดับหนึ่งของการเข้าชมสำหรับเว็บไซต์ส่วนใหญ่ ดังนั้นการจัดอันดับ SERP ที่สูงขึ้นสามารถนำไปสู่การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมได้อย่างมาก

2.เพื่อสร้างโอกาสในการขายและการขาย เมื่อผู้คนค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนอ คุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณเป็นหนึ่งในผลลัพธ์แรกๆ ที่พวกเขาเห็น ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าในเวลาที่พวกเขาสนใจสิ่งที่คุณนำเสนอมากที่สุด

3.เพื่อสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ เมื่อเว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับสูงใน SERP มันจะแจ้งให้คนอื่นทราบว่าคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และเชื่อถือได้ สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์และความน่าเชื่อถือได้

4.เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ SEO ยังสามารถช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้เว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณสำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น

โดยรวมแล้ว SEO เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่หลากหลาย รวมถึงการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ การสร้างโอกาสในการขายและการขาย การสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ และปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้

ประโยชน์ของ SEO ที่เราต้องทำ

-SEO เป็นการลงทุนระยะยาวที่สามารถให้ผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป

-SEO สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ชมทั่วโลกได้

-SEO สามารถช่วยให้คุณสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้

-SEO สามารถช่วยให้คุณก้าวนำหน้าในขณะที่เครื่องมือค้นหามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

หากคุณยังไม่ได้ทำ SEO คุณจะพลาดโอกาสอันมีค่าในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ

เคล็ดลับในการเขียนบทความ SEO

เคล็ดลับในการเขียนบทความ SEO

 

บทความ SEO คือเนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งปรับให้เหมาะกับเครื่องมือค้นหา ซึ่งหมายความว่าเขียนในลักษณะที่น่าจะติดอันดับที่ดีในผลการค้นหาสำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้อง

บทความ SEO อาจเป็นเนื้อหาประเภทใดก็ได้ เช่น บล็อกโพสต์ บทความข่าว คำอธิบายผลิตภัณฑ์ หรือหน้า Landing Page อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดมีลักษณะร่วมกันบางประการ

-พวกเขาเขียนได้ดีและให้ข้อมูล

-มีความเกี่ยวข้องกับคำหลักที่กลุ่มเป้าหมายมีแนวโน้มที่จะค้นหา

-พวกเขาใช้คำหลักตลอดทั้งบทความ รวมถึงในชื่อเรื่อง ส่วนหัว ข้อความเนื้อหา และคำอธิบายเมตา

-มีโครงสร้างเพื่อให้อ่านง่าย โดยมีส่วนหัวและหัวข้อย่อยที่ชัดเจน

-รวมถึงลิงก์ภายในไปยังหน้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์

บทความ SEO มีความสำคัญเนื่องจากสามารถช่วยให้ธุรกิจดึงดูดปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของตนได้มากขึ้น สิ่งนี้สามารถนำไปสู่โอกาสในการขาย การขาย และการรับรู้ถึงแบรนด์ได้มากขึ้น

เคล็ดลับในการเขียนบทความ SEO มีดังนี้

1.ทำวิจัยคำหลักของคุณ ก่อนที่คุณจะเริ่มเขียน ให้ใช้เครื่องมือวิจัยคำหลักเพื่อระบุคำหลักที่กลุ่มเป้าหมายของคุณมีแนวโน้มที่จะค้นหา เลือกคำหลักที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณและมีปริมาณการค้นหาที่ดี

2.เขียนเกี่ยวกับหัวข้อที่ผู้ชมของคุณสนใจ อย่าเขียนเกี่ยวกับหัวข้อที่คุณคิดว่าสำคัญเท่านั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกำลังเขียนเกี่ยวกับหัวข้อที่กลุ่มเป้าหมายของคุณสนใจจริงๆ คุณสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Google Trends และโซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณกำลังพูดถึงหัวข้อใด

3.เขียนเนื้อหาที่ให้ข้อมูลและน่าสนใจ บทความของคุณควรเขียนได้ดีและให้ข้อมูล พวกเขาควรให้คุณค่าแก่ผู้อ่านของคุณและตอบคำถามของพวกเขา

4.ใช้คำหลักตลอดทั้งบทความของคุณ รวมคำหลักเป้าหมายของคุณในชื่อเรื่อง หัวเรื่อง ข้อความเนื้อหา และคำอธิบายเมตา อย่างไรก็ตาม หลีกเลี่ยงการใช้คำหลักในทางที่ผิด บทความของคุณควรเป็นธรรมชาติและอ่านง่าย

5.จัดโครงสร้างบทความของคุณเพื่อให้อ่านง่าย ใช้หัวเรื่องและหัวเรื่องย่อยที่ชัดเจนเพื่อแยกข้อความของคุณและทำให้อ่านง่าย คุณควรใช้รูปภาพและวิดีโอเพื่อทำให้บทความของคุณดึงดูดสายตามากขึ้น

6.รวมลิงค์ภายใน ลิงค์ภายในคือลิงค์ไปยังหน้าอื่น ๆ บนเว็บไซต์ของคุณ ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณและความสัมพันธ์ระหว่างเพจของคุณ

เมื่อปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะสามารถเขียนบทความ SEO ที่จะช่วยคุณดึงดูดปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น

มาทำความรู้จัก seo คืออะไร

มาทำความรู้จัก seo คืออะไร

SEO ย่อมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา เป็นกระบวนการปรับปรุงการมองเห็นและอันดับของเว็บไซต์หรือหน้าเว็บในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) SEO สามารถทำได้ด้วยเทคนิคที่หลากหลาย ได้แก่

1.การเพิ่มประสิทธิภาพบนเพจ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการปรับเนื้อหา โครงสร้าง และโค้ดของเว็บไซต์ให้เหมาะสมเพื่อให้เป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหามากขึ้น

2.การเพิ่มประสิทธิภาพนอกเพจ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างลิงก์ย้อนกลับไปยังเว็บไซต์จากเว็บไซต์คุณภาพสูงอื่นๆ

3.เทคนิค SEO สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ได้รับการจัดทำดัชนีอย่างถูกต้องโดยเสิร์ชเอ็นจิ้นและโหลดได้อย่างรวดเร็ว

SEO เป็นสาขาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการปรับปรุงการมองเห็นและการเข้าชมเว็บไซต์

ประโยชน์บางประการของ SEO

1.การเข้าชมเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้น: SEO สามารถช่วยเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์โดยการปรับปรุงอันดับในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา

2.การรับรู้ถึงแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น: SEO สามารถช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์โดยทำให้แน่ใจว่าเว็บไซต์จะมองเห็นได้เมื่อผู้คนค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้อง

3.ปรับปรุงการสร้างโอกาสในการขาย: SEO สามารถช่วยสร้างโอกาสในการขายโดยการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย

4.ยอดขายที่เพิ่มขึ้น: SEO สามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้โดยดึงดูดปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้เป็นลูกค้า

หากคุณต้องการปรับปรุงการมองเห็นและการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ SEO คือจุดเริ่มต้นที่ดี มีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยให้คุณเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO และวิธีการนำไปใช้บนเว็บไซต์ของคุณ

สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรคำนึงถึงเมื่อทำ SEO

-มุ่งเน้นไปที่ผู้ชมเป้าหมายของคุณ: เมื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณสำหรับเครื่องมือค้นหา สิ่งสำคัญคือต้องมุ่งเน้นไปที่ผู้ชมเป้าหมายของคุณ พวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้คำหลักใดในการค้นหาข้อมูล พวกเขากำลังมองหาเนื้อหาประเภทใด?

-สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง: วิธีที่ดีที่สุดในการปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณในเครื่องมือค้นหาคือการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เนื้อหานี้ควรเขียนได้ดี มีข้อมูล และมีส่วนร่วม

-สร้างลิงก์ย้อนกลับ: ลิงก์ย้อนกลับคือลิงก์จากเว็บไซต์อื่นไปยังเว็บไซต์ของคุณ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับเครื่องมือค้นหา คุณสามารถสร้างลิงก์ย้อนกลับได้โดยการเขียนบล็อกของผู้เยี่ยมชม เข้าร่วมในโซเชียลมีเดีย และส่งเว็บไซต์ของคุณไปยังไดเร็กทอรี

-อัปเดตเว็บไซต์ของคุณให้ทันสมัยอยู่เสมอ: เครื่องมือค้นหาชอบเนื้อหาที่สดใหม่ อย่าลืมอัปเดตเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำด้วยเนื้อหาใหม่

-เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณสำหรับมือถือ: ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ใช้อุปกรณ์มือถือของตนเพื่อค้นหาเว็บ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการปรับให้เหมาะกับอุปกรณ์มือถือเพื่อให้สามารถดูและนำทางบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้อย่างง่ายดาย

SEO เป็นสาขาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการปรับปรุงการมองเห็นและการเข้าชมเว็บไซต์ของตน การทำตามคำแนะนำข้างต้นจะทำให้คุณสามารถปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณในเครื่องมือค้นหาและดึงดูดผู้เข้าชมได้มากขึ้น

 

จุดอ่อนที่แก้ได้ของเว็บไซต์ เพื่อทำให้คะแนน SEO ดีขึ้น

จุดอ่อนที่แก้ได้ของเว็บไซต์ เพื่อทำให้คะแนน SEO ดีขึ้น

บางคนทำธุรกิจทางออนไลน์มานาน แต่ทำยังไงผลกำไรที่สร้างได้ก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่ฝันไว้ซักที อยากจะพยายามทำการตลาดออนไลน์ กลับไม่สามารถแก้ไขได้ตรงจุด จึงทำให้มีช่องโหว่มากมายบนเว็บไซต์ที่ทำให้ไม่สามารถเอาชนะใจลูกค้าได้ รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นต้องการการพัฒนา แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหนดี ดังนั้นวันนี้เราจะมาชี้จุดอ่อนยอดนิยมของเว็บไซต์ต่าง ๆ และแนวทางการแก้ไขตามหลัก SEO

  • คีย์เวิร์ดที่ไม่ตรงจุด

หลายธุรกิจเลือกใช้คีย์เวิร์ดทั่วไปที่มียอดการค้นหาสูงมาก แต่รู้ไหมว่าคีย์เวิร์ดแบบนั้นมักมีการแข่งขันที่สูงจนยากที่จะเอาชนะคู่แข่งเจ้าใหญ่ที่มีทุนหนาและดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ดังนั้นต้องมีการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงบ้าง เช่น การระบุตำแหน่งเพื่อทำ Local SEO สิ่งนี้จะกระตุ้นยอดขายได้อย่างยอดเยี่ยมแน่นอน

  • ออกแบบเว็บให้ใช้งานง่าย

บางคนออกแบบเว็บไซต์อย่างสวยงาม แต่กลับมาตกม้าตายเพราะไม่ได้ออกแบบการแสดงผลบนมือถือเอาไว้ จึงทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าเว็บไซต์นี้ไม่น่าประทับใจและรู้สึกไม่อยากใช้งาน หรือบางเว็บไซต์ใส่รูปภาพที่สวยงามเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่กลับอัปโหลดภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไป จนใช้เวลาโหลดนานจนลูกค้าหมดความอดทน ดังนั้นต้องพยายามออกแบบเว็บไซต์โดยคิดในมุมของลูกค้าเป็นหลักอยู่เสมอ

  • สร้างเนื้อหาที่มีความเฉพาะตัว

การเอาบทความหรือเนื้อหาสาระจากเว็บไซต์อื่นมารวบรวมและดัดแปลงแก้ไขเพื่อนำมาเป็นคอนเทนต์ SEO มักจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ปังสักเท่าไหร่ เพราะงานเขียนแบบนั้นมักจะธรรมดาทั่วไป จนไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของผู้อ่านได้ ดังนั้นต้องพยายามสร้างเนื้อหาใหม่ที่มีความเฉพาะเจาะจงของตนเองขึ้นมา จึงจะทำให้แบรนด์โดดเด่นกว่าคู่แข่งเจ้าอื่นในตลาด

  • ใส่องค์ประกอบในรูปภาพ

หลายคนอัปโหลดรูปภาพลงไปประกอบบทความบนเว็บไซต์แต่ไม่ใส่องค์ประกอบอื่น ๆ ให้ถูกต้อง ถึงภาพนี้จะโดดเด่น สวยงามหรือมีความน่าสนใจแค่ไหน สุดท้ายภาพนี้จะหมดประโยชน์ทาง SEO ไปโดยทันที ดังนั้นแนะนำว่าทุกครั้งที่เลือกใช้ภาพมาประกอบบนเพจ ต้องทำการใส่ Title, Alt Text, Caption และ Description ให้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดอยู่เสมอ

  • ปรับปรุงเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ

บางแบรนด์สร้างเว็บไว้เมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่กลับไม่เคยเข้ามาทำการอัปเดทเว็บไซต์ให้ดูทันสมัย หลายคนเข้ามาเห็นอาจจะนึกว่าเลิกทำธุรกิจไปแล้ว จะหวังอะไรกับการเพิ่มยอดขาย ดังนั้นต้องหมั่นพัฒนาเว็บไซต์ตามความต้องการของตลาดอย่างสม่ำเสมอ รู้จักวัดผลและนำจุดด้อยมาพัฒนาให้ดีขึ้น รวมทั้งให้หมั่นใส่ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และโปรโมทอย่างใส่ใจเป็นประจำ

หลังจากอ่านจุดอ่อนยอดฮิตของเว็บไซต์ในวันนี้ ทุกคนคงจะพอมองเห็นแนวทางในการพัฒนาเว็บไซต์ธุรกิจของตนเองได้มากขึ้นแล้ว ลองนำกลับไปประยุกต์ใช้กับงานของตัวเองดู เพราะถ้าสามารถกำจัดจุดอ่อนเหล่านี้ได้ ผลลัพธ์ของการทำ SEO จะพุ่งทะยานไปไกลอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

8 เคล็ดลับสร้างบทความ SEO ที่นักเขียนมือใหม่ก็ทำได้บนกระดาษแผ่นเดียว

8 เคล็ดลับสร้างบทความ SEO ที่นักเขียนมือใหม่ก็ทำได้บนกระดาษแผ่นเดียว

ในปัจจุบันการทำเว็บไซต์ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจขายสินค้า/บริการ การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าแรกของเครื่องมือค้นหา (Search engine) เช่น Google, bing, Baidu, Yahoo, Yendex และอื่น ๆ นอกจากจะทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มยอดขายสินค้า/บริการด้วย ซึ่งการเขียนบทความ SEO จะช่วยผลักดันเว็บไซต์ให้อยู่ในอันดับที่ดีขึ้นบนหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) ได้

เชื่อว่านักเขียนบทความมือใหม่หลายคนต้องคิดว่าการเขียนบทความ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ของหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) อาจเป็นเรื่องยาก ยิ่งไม่มีความรู้ด้าน SEO ด้วยแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย บทความนี้จะมาบอกเคล็ดลับสร้างบทความ SEO ที่นักเขียนมือใหม่ก็ทำได้แบบหมดเปลือก

เคล็ดลับสร้างบทความ SEO ที่นักเขียนมือใหม่ก็ทำได้

1.วิเคราะห์คำค้นหา (Keyword) หากต้องการสร้างบทความ SEO ให้แสดงผลในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนลงมือเขียนบทความเสมอ คือ การวิเคราะห์คำค้นหา เนื่องจากคำค้นหาที่ดีจะช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าถึงเว็บไซต์ของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์คำค้นหา ได้แก่ Google Keyword Planner, Ahrefs หรือ SEMrush เป็นต้น

2.กลยุทธ์ในการเขียนบทความ การพัฒนากลยุทธ์ในเขียนบทความเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มตั้งแต่การคิดหัวข้อบทความที่จะเขียน สไตล์การเขียน รูปภาพประกอบบทความ ความถี่ในการเผยแพร่บทความล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงทั้งสิ้น

3.ตั้งชื่อบทความให้น่าสนใจ ชื่อบทความเป็นข้อความแรกที่กลุ่มเป้าหมายใช้ในการตัดสินใจว่าจะเข้ามาอ่านหรือไม่ การเลือกใช้คำพาดหัว หรือการแต่งประโยคให้น่าสนใจจึงเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมาก

4.เขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ คุณภาพของเนื้อหาบทความมีความสำคัญต่อการจัดอันดับที่สูงขึ้นในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา โดยเนื้อหาที่มีคุณภาพ คือ ต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน อัปเดตเป็นปัจจุบันและเป็นประโยชน์ต่อ

5.แบ่งหัวข้อเป็น Bullet หัวข้อย่อยเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมสำหรับ SEO เพราะนอกจากจะทำให้เกิดความสบายตาเวลาอ่าน ยังทำให้จับประเด็นได้ง่าย โดยส่วนนี้ควรมีคำค้นหาอยู่ในหัวข้อด้วย

6.เทคนิคการเล่าเรื่องแบบ Storytelling การใช้เทคนิค Storytelling ให้กลุ่มเป้าหมายอยากอ่านให้จบ อ่านง่ายและมีความเป็นกันเองเป็นสิ่งที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายใช้เวลาอยู่บนหน้าเว็บไซต์ได้นานขึ้น ยิ่งกลุ่มเป้าหมายใช้เวลาบนเว็บไซต์นานเท่าไหร่ยิ่งทำให้ Search Engine มองว่าเว็บไซต์มีคุณภาพมากขึ้น

7.การเพิ่มลิงก์เชื่อมโยง การเพิ่มลิงก์เชื่อมโยงเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นเข้ามาเว็บไซต์เรา หรือเว็บไซต์เราไปยังเว็บไซต์อื่นมีความสำคัญต่อ SEO แต่ลิงก์ที่ดีควรเป็นลิงก์ที่มีคุณภาพ โดยเทคนิคง่าย ๆ คือ การเชื่อมโยงลิงก์หน้าเพจของเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราเขียนเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ไม่ควรใส่ลิงก์มากเกินไป เพราะการใส่ลิงก์เยอะเกินความจำเป็นจะทำให้ Search Engine มองว่าเป็นการสแปมลิงก์ได้

8.ปรับคำอธิบาย Meta การเขียนคำอธิบายบทความเป็นประโยคสั้น ๆ สรุปใจความสำคัญว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอะไร หรือกลุ่มเป้าหมายได้ประโยชน์อะไรจะทำให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจเข้ามาอ่านได้ง่ายขึ้น โดยในส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญที่ควรแทรกคำค้นหาหลักเอาไว้ด้วย

8 เคล็ดลับสร้างบทความ SEO ที่นักเขียนมือใหม่ก็ทำได้นี้เป็นการสรุปส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ หากต้องการผลิตงานเขียนที่มีคุณภาพเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบนหน้าแรกของเว็บไซต์ นักเขียนควรหมั่นฝึกฝนเคล็ดลับเหล่านี้อยู่เสมอ

บริษัทรับทำ SEO ทำอะไร มีบทบาทยังไงในธุรกิจ

บริษัทรับทำ SEO ทำอะไร มีบทบาทยังไงในธุรกิจ

สำหรับธุรกิจที่กำลังดำเนินตลาดบนโลกออนไลน์ ในยุคนี้คงจะไม่มีใครปฏิเสธความสำคัญของการทำ SEO ไปได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการดันอันดับเว็บไซต์และสร้างช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพได้อย่างตรงจุด แต่การที่บริษัทจะลงมือทำ SEO ด้วยตนเองเป็นเรื่องยุ่งยากและอาจไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ควร จึงเกิดธุรกิจบริษัทรับทำ SEO ขึ้นมา โดยพวกเขามีบทบาทหน้าที่ดังต่อไปนี้

1.สร้างคีย์เวิร์ดที่ส่งผลดีต่อธุรกิจมากที่สุด
จุดตัดสินว่า SEO ที่ทำจะสามารถจับจุดตลาดได้อยู่หมัดหรือไม่ คือการเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมากที่สุด และมีปริมาณการค้นหาที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งบริษัทที่ดูแลเกี่ยวกับ SEO จะมีความสามารถในการทำรีเสิร์ชคีย์เวิร์ดที่มีคุณภาพได้ ทำให้การวางแผนสร้างคอนเทนต์บนโลกออนไลน์มีเป้าหมายและแบบแผนที่แน่นอน

2.สร้างคอนเทนต์ตามหลัก SEO
การสร้างคอนเทนต์บนเว็บไซต์ธุรกิจไม่ได้เน้นไปที่ปริมาณเพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องใส่ใจคุณภาพของเนื้อหา ซึ่งถ้าจะสร้างให้ตรงกับหลักการของ SEO มีข้อปฏิบัติยิบย่อยมากมายจนผู้ประกอบการอาจมองข้ามไป ในขณะที่บริษัทที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ SEO จะเข้าใจข้อกำหนดเหล่านั้นและสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ออกมาได้อย่างถูกต้อง

3.ยกระดับคอนเทนต์บนเว็บไซต์
หลายบริษัทอาจจะมีเว็บไซต์เก่าของตนเองที่เคยสร้างไว้ แต่ผลลัพธ์เรื่องอันดับการค้นหาอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ บริษัทสามารถแก้ไขโครงสร้างของเว็บไซต์และเนื้อหาเหล่านั้นให้มีองค์ประกอบที่ครบถ้วนที่น่าจะถูกใจอัลกอริทึมของ Google จึงสามารถดันอันดับให้สูงขึ้นผ่านบริการของบริษัททำ SEO ได้นั่นเอง

4.สร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ
ไม่ใช่เพียงแค่เนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ต้องได้รับการใส่ใจ แต่ Backlink ที่เชื่อมโยงกลับมาที่หน้าเพจนับว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะต้องมีการสร้างคอนเทนต์เป็นจำนวนมากพอสมควรและยังต้องเป็นลิงก์ที่มีคุณภาพอีกด้วย ซึ่งบริษัททำ SEO สามารถเติมเต็มช่องว่างนี้ได้เป็นอย่างดี

5.สรุปรายงานติดตามคุณภาพเว็บไซต์
หลังจากดำเนินการทาง SEO อย่างครบถ้วนแล้ว จะต้องมีการติดตามผลและปรับปรุงให้ไปถึงเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบริษัททำ SEO จะมีหน้าที่จัดทำรายงานสรุปความเคลื่อนไหวและกระแสตลาดที่เกิดจาก SEO อย่างลงลึกและตรงประเด็น ทำให้สามารถนำไปต่อยอดกับการขยายธุรกิจให้มั่นคงยิ่งขึ้นได้

จะเห็นได้ว่าบทบาทของบริษัททำ SEO มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจทุกด้าน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในระยะยาวอย่างแน่นอน ซึ่งโดยทั่วไปการลงทุนเรื่อง SEO มีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ด้านอื่น ๆ จึงทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจทุกขนาด แม้แต่ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้เช่นกัน จึงนับเป็นการตลาดออนไลน์ที่ผู้ประกอบการทุกคนไม่สามารถมองข้ามได้เลยในปัจจุบัน

3 ข้อควรระวังของการใช้ SEO

ข้อควรระวังของการใช้ SEO

SEO มีต้นทุนการตลาดน้อยที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับ Marketing รูปแบบอื่น และใช้ได้ผลเมื่อต้องการให้ธุรกิจส่งของออนไลน์ หรือ E-Commerce ติดอันดับการค้นหาใน Google แต่ SEO ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน หากปฏิบัติตามหลักที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้ยอดมองเห็นเว็บของเราน้อยลง ซึ่งมีข้อห้ามที่ควรรู้อยู่ 3 ข้อ หากรู้แล้วจะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของเราไปได้สวยแน่นอน

ทำ Content เกี่ยวกับ “ช่วงเวลา”

ความหมายคือ เราเลือกทำ SEO โดยมีเงื่อนไขของฤดูกาลเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น SEO เรื่องสินค้าการเกษตร โดยปกติแล้ว สินค้ากลุ่มนี้จะให้ผลตามเวลาเก็บเกี่ยว หากเป็นช่วงนอกฤดูจะมีคนเลือกทานผลไม้นั้น ๆ ลดลง ถ้าเราเลือกทำ SEO เรื่อง “ทุเรียน” แม้จะสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ทำทุกอย่างถูกหลัก แต่ปล่อย content ขึ้นบนเว็บ “ช่วงหน้าหนาว” จะไม่ได้ยอดการมองเห็นเว็บตามที่ต้องการ เพราะคนไม่ทานทุเรียนหน้านี้กัน วิธีหนึ่งที่เราสามารถเช็กเบื้องต้นได้ว่า สินค้าของเรามีผลของฤดูกาลมาเกี่ยวข้องไหม
โดยใช้ Google Trend เป็นการเช็กเบื้องต้นว่า ยอดคนค้นหาขึ้นลงตามเวลาหรือไม่ กราฟที่มีผลของฤดูกาลจะขึ้นลงสูงผิดปกติ ดังเช่นทุเรียนที่ออกผลผลิตช่วงหน้าฝน เห็นได้จากยอดการค้นหาเดือนมิถุนายน -กรกฎาคม จะสูงผิดปกติ และกลับมาเหมือนเดิมหลังจากนั้น และสินค้าอย่างเสื้อกันฝน เสื้อกันหนาว มีลักษณะเช่นเดียวกับทุเรียนด้วย การทำ SEO ควรเลือก Topic ที่ไม่มีผลของฤดูกาลมาเกี่ยวข้อง ไม่อย่างนั้นคนจะมองไม่เห็นเว็บของเราต่อเนื่องตลอดทั้งปี

Backlink ไม่มีคุณภาพ

ทุกบทความที่เขียนขึ้นแม้ว่าจะคิดใหม่ทั้งหมด แต่ต้องมี Reference เป็นข้อมูลเบื้องหลัง การเลือกใส่ Ref คือการทำ “backlink” ซึ่งเว็บไหนได้การอ้างอิงเยอะ ก็เหมือนได้คะแนนโหวตเยอะ และอย่าคิดว่าข้อมูลที่นำมาเขียนไม่มีความสำคัญต่อการจัดลำดับ โดย Backlink ที่ดีควรมีข้อมูลคุณภาพ ได้รับการยอมรับจากเว็บไซต์อื่น หากนำข้อมูลมาจากเว็บที่แย่จะเป็นดึงอันดับของเว็บไซต์เราให้ไม่มีคุณภาพไปด้วย เว็บที่แนะนำในการทำ backlink คือเว็บในหน้าแรกของ Google หลังจากที่มีการค้นหาคำที่ต้องการ
และสามารถนำเว็บไซต์ที่จะเลือกอ้างอิงไปเช็ก backlink อีกครั้งด้วยการค้นหาในเว็บ Ubersuggest

สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ

การจะให้เว็บไซต์ของเราติดอยู่หน้า 1 ของ Google ให้นานที่สุดควรเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ นั่นคือควรมีความยาวอย่างน้อย 500 คำ แต่ถ้ายาวเกินไปก็ไม่ดี ผู้เข้าชมเว็บไซต์จะกดออกก่อน เพราะเนื้อหาเยอะเกินไป และเมื่อมีคนกดออกเร็วเกินไป AI จะมองว่าเนื้อหาที่เขียนไม่มีคุณภาพ และจัดอันดับเว็บไซต์เราอยู่หน้าอื่น ทำให้การขายสินค้าและโปรโมทไม่สามารถทำได้ตามที่ต้องการ

ทั้งนี้การทำ SEO ให้ติดหน้าแรกของ Google ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ แต่หัวใจหลักสำคัญจริง ๆ คือเนื้อหาควร Unique จนเว็บอื่นนำเราไปอ้างอิง

ทำไมผู้เชี่ยวชาญการตลาด แนะนำให้คุณทำ SEO

ทำไมผู้เชี่ยวชาญการตลาด แนะนำให้คุณทำ SEO

ในปี 2020 เป็นที่รู้กันว่าทั่วโลกมีภาวะไวรัสโควิด-19 ระบาด ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อพฤติกรรมการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ทำให้ผู้คนนิยมหันมาซื้อขายสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์มากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดจึงแนะนำให้คุณทำเว็บไซต์ SEO เพื่อให้ธุรกิจของคุณมีภาวะการคล่องตัวมากขึ้นและดีต่อการเติบโตธุรกิจในระยะยาว เรามาดูกันว่ามีเหตุผลอะไรอีกบ้าง

คนที่เคยมีหน้าร้าน เพิ่มช่องทางใหม่บนโลกออนไลน์

จากระเบียบปฏิบัติด้าน social distance ทำให้ผู้คนต้องอยู่บ้านมากขึ้นและสั่งของทางระบบออนไลน์ การทำเว็บไซต์ด้วยระบบ SEO เป็นการวางรากฐานที่ดีต่อธุรกิจยุคใหม่ที่ยั่งยืนในทศวรรษหน้า และยังแสดงถึงการปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์โลก

นักธุรกิจใหม่เปิดตัวในตลาดออนไลน์

มีผู้ได้รับผลกระทบรายได้ที่น้อยลงจากงานประจำหรือว่างงาน หลายคนมีประวัติการทำงานที่ดี มีชื่อเสียงในวงสังคมมาก่อน เช่น เป็นแอร์โฮสเตส พนักงานบริษัทเอกชน ดารานักแสดง ฯลฯ หันมาทำธุรกิจออนไลน์แทน เช่น ขายอาหาร ขนมเบเกอรี่ ขายเสื้อผ้ากระเป๋ามือสอง ฯลฯ เป็นการสร้างภาพลักษณ์และแหล่งรายได้ใหม่ ที่แสดงถึงความขยัน ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ยิ่งทำ SEO ให้เว็บไซต์หรือเพจด้วยก็ยิ่งเติบโตไว

เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้ธุรกิจออนไลน์ที่เปิดมานาน

เว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย SEO มาโดยตลอดต่อเนื่อง จะมีข้อมูลสะสมที่ยาวนาน ยิ่งทำ SEO ต่อไปก็ยิ่งดีต่อการจัดอันดับและส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้เกิดการคลิกเข้ามาชมและสั่งซื้อสินค้ามากกว่าเว็บไซต์ที่อยู่อันดับล่าง ๆ ลงไป

แบรนด์สินค้าเข้าถึงลูกค้าต่างประเทศ

การหาลูกค้าต้องไม่มีขีดจำกัดในปี 2020 คุณต้องมองหาตลาดต่างประเทศด้วยต้นทุนต่ำ การทำเว็บไซต์ SEO ด้วยภาษาต่างประเทศจะทำให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์สินค้าได้มากขึ้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทำการตลาดมากอย่างในอดีต

เข้าถึงลูกค้าที่กำลังต้องการสินค้าของคุณจริง ๆ

การเลือก keyword สำหรับบทความ SEO ที่ดีมีความเฉพาะเจาะจง มีประโยชน์มากในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เช่น ถ้าคุณจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ยิ่งระบุรายละเอียดของรุ่นเครื่องลงไปให้ชัดมากเท่าใด เมื่อมีลูกค้าที่กำลังต้องการสินค้ารุ่นนั้น ๆ มาสืบค้น ก็ยิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านข้อมูลในเว็บไซต์และตัดสินใจสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็ว มากกว่าการใช้ keyword กว้าง ๆ เพียงคำว่า คอมพิวเตอร์ หรือ มือถือ

การทำ SEO ในปี 2020 ให้ประโยชน์กับธุรกิจในทุกวงการ ทั้งในเรื่องยอดขาย การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า การสร้างฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นไปเรื่อย ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่นักธุรกิจที่ต้องการพัฒนาตัวเองและเสริมสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งผ่านวิกฤตโควิดไปให้ได้อย่างราบรื่น ในปี 2020