การทำ SEO

ทำไมผู้เชี่ยวชาญการตลาด แนะนำให้คุณทำ SEO

ทำไมผู้เชี่ยวชาญการตลาด แนะนำให้คุณทำ SEO

ในปี 2020 เป็นที่รู้กันว่าทั่วโลกมีภาวะไวรัสโควิด-19 ระบาด ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อพฤติกรรมการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ทำให้ผู้คนนิยมหันมาซื้อขายสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์มากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดจึงแนะนำให้คุณทำเว็บไซต์ SEO เพื่อให้ธุรกิจของคุณมีภาวะการคล่องตัวมากขึ้นและดีต่อการเติบโตธุรกิจในระยะยาว เรามาดูกันว่ามีเหตุผลอะไรอีกบ้าง

คนที่เคยมีหน้าร้าน เพิ่มช่องทางใหม่บนโลกออนไลน์

จากระเบียบปฏิบัติด้าน social distance ทำให้ผู้คนต้องอยู่บ้านมากขึ้นและสั่งของทางระบบออนไลน์ การทำเว็บไซต์ด้วยระบบ SEO เป็นการวางรากฐานที่ดีต่อธุรกิจยุคใหม่ที่ยั่งยืนในทศวรรษหน้า และยังแสดงถึงการปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์โลก

นักธุรกิจใหม่เปิดตัวในตลาดออนไลน์

มีผู้ได้รับผลกระทบรายได้ที่น้อยลงจากงานประจำหรือว่างงาน หลายคนมีประวัติการทำงานที่ดี มีชื่อเสียงในวงสังคมมาก่อน เช่น เป็นแอร์โฮสเตส พนักงานบริษัทเอกชน ดารานักแสดง ฯลฯ หันมาทำธุรกิจออนไลน์แทน เช่น ขายอาหาร ขนมเบเกอรี่ ขายเสื้อผ้ากระเป๋ามือสอง ฯลฯ เป็นการสร้างภาพลักษณ์และแหล่งรายได้ใหม่ ที่แสดงถึงความขยัน ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ยิ่งทำ SEO ให้เว็บไซต์หรือเพจด้วยก็ยิ่งเติบโตไว

เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้ธุรกิจออนไลน์ที่เปิดมานาน

เว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย SEO มาโดยตลอดต่อเนื่อง จะมีข้อมูลสะสมที่ยาวนาน ยิ่งทำ SEO ต่อไปก็ยิ่งดีต่อการจัดอันดับและส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้เกิดการคลิกเข้ามาชมและสั่งซื้อสินค้ามากกว่าเว็บไซต์ที่อยู่อันดับล่าง ๆ ลงไป

แบรนด์สินค้าเข้าถึงลูกค้าต่างประเทศ

การหาลูกค้าต้องไม่มีขีดจำกัดในปี 2020 คุณต้องมองหาตลาดต่างประเทศด้วยต้นทุนต่ำ การทำเว็บไซต์ SEO ด้วยภาษาต่างประเทศจะทำให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์สินค้าได้มากขึ้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทำการตลาดมากอย่างในอดีต

เข้าถึงลูกค้าที่กำลังต้องการสินค้าของคุณจริง ๆ

การเลือก keyword สำหรับบทความ SEO ที่ดีมีความเฉพาะเจาะจง มีประโยชน์มากในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เช่น ถ้าคุณจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ยิ่งระบุรายละเอียดของรุ่นเครื่องลงไปให้ชัดมากเท่าใด เมื่อมีลูกค้าที่กำลังต้องการสินค้ารุ่นนั้น ๆ มาสืบค้น ก็ยิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านข้อมูลในเว็บไซต์และตัดสินใจสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็ว มากกว่าการใช้ keyword กว้าง ๆ เพียงคำว่า คอมพิวเตอร์ หรือ มือถือ

การทำ SEO ในปี 2020 ให้ประโยชน์กับธุรกิจในทุกวงการ ทั้งในเรื่องยอดขาย การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า การสร้างฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นไปเรื่อย ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่นักธุรกิจที่ต้องการพัฒนาตัวเองและเสริมสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งผ่านวิกฤตโควิดไปให้ได้อย่างราบรื่น ในปี 2020

วิธีทำ SEO ให้รูปภาพ ตามหลักการ SEO ที่ถูกต้อง

วิธีทำ SEO ให้รูปภาพ ตามหลักกสน SEO ที่ถูกต้อง

การทำ SEO หรือ search engine optimization ตามที่ Google กำหนดเกณฑ์ไว้ นอกจากสามารถทำกับเนื้อหาบทความในเว็บไซต์ของคุณแล้ว ยังทำกับรูปภาพได้ด้วย เพื่อให้ติดอันดับการสืบค้นหมวดรูปภาพหรือ Google image search ได้ในด้านบน ๆ ส่งผลให้มีการคลิกเข้ามาชมรายละเอียดในเว็บไซต์ ซึ่งนำไปสู่การขายสินค้าของคุณได้มากขึ้นด้วย

การทำ SEO ให้รูปภาพ มีขั้นตอนทั่วไป 3 ข้อ คือ

การทำ sitemap

sitemap เปรียบเหมือนสารบัญรูปภาพในเว็บไซต์ ควรมี เพื่อให้ระบบ algorithm ของ Google มาเก็บข้อมูลของภาพประกอบบทความต่าง ๆ ในแต่ละเพจของคุณ ได้อย่างรวดเร็วและไม่ผิดพลาด ซึ่ง sitemap สำหรับรูปภาพมี 2 ชนิด คือ

(1) แบบ default จะลงข้อมูลแค่ URL หรือที่อยู่ของภาพ

(2) แบบ Extension เป็นแบบที่แนะนำเพราะสามารถใส่รายละเอียดชนิดของไฟล์ภาพหรือไฟล์วีดีโอได้ด้วย

โดยเว็บไซต์ที่ช่วยในการทำ sitemap ที่แนะนำ คือ www.xml-sitemaps.com สามารถสร้าง sitemap ได้เยอะมาก ถึงเกิน 1 ล้านภาพ และมีการคิดค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงเกินไป หรืออาจใช้งาน Yoast SEO ซึ่งเป็น plugin เครื่องมือเสริมสำหรับผู้ที่ใช้งานทำ SEO บน wordpress

การปรับแต่งรายละเอียดเบื้องหลังของรูปภาพ

ต้องไปที่ฟังก์ชัน alt tag ใส่ keywords ที่ตรงกับรูปภาพประกอบนั้น ๆ ให้มากที่สุด โดยควรเป็นคำที่ตรงกับการสืบค้นจริงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและสัมพันธ์กับเนื้อหาในบทความด้วย ทั้งควรใส่รายละเอียดว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร มีองค์ประกอบในภาพสีอะไรบ้าง ฯลฯ เพราะระบบ algorithm ของ Google ไม่สามารถแยกแยะสีได้ดีอย่างระบบของ Facebook

นอกจากนี้ การเลือกตำแหน่งการจัดวางภาพให้เหมาะสมใกล้เคียงกับบทความท่อนที่อธิบายภาพนั้น ก็สำคัญต่อการประมวลผลของ Google ถ้าต้องการให้คะแนนการวิเคราะห์ SEO สูงขึ้น ก็ไม่ควรพลาดรายละเอียดส่วนนี้ด้วย

การตรวจสอบผลความเรียบร้อย

หลังจากการทำข้อ 1 และ 2 แล้วให้ทำการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำว่าเรียบร้อยไหม โดยการไปที่ Google search Console แล้วคลิกไปดูในหมวดรูปภาพ ว่าตัวเลขที่ปรากฏ ของรูปภาพที่จัดส่งและรูปภาพที่ทำดัชนี ตรงกับที่ได้ทำ sitemap ไปแล้วหรือไม่ และหลังจากนั้น ก็ควรทำการตรวจสอบผ่านหน้าจอของ Google ด้วย เพื่อความมั่นใจ โดยไปที่ search image ใน google แล้วคำพิมพ์คำว่า site: ตามด้วยชื่อโดเมนของเว็บไซต์คุณ จะต้องเห็นรูปภาพที่คุณได้ทำการอัปโหลดขึ้นระบบทั้งหมด จึงแสดงว่าเรียบร้อยจริง

การทำ SEO ให้รูปภาพสำคัญต่อการเสริมอำนาจในการแข่งขันทางธุรกิจ ทั้งนี้ การทำรูปประกอบด้วยตัวเองจะทำให้คะแนน SEO สูงกว่าการใช้รูปปลอดลิขสิทธิ์จากเว็บไซต์ภาพฟรี การเรียนรู้การตัดต่อด้วยตัวเอง เช่น photoshop จึงจำเป็นเช่นกัน อย่าลืมว่า หากทำ SEO ให้ภาพสม่ำเสมอ ก็จะทำให้เพิ่มยอดขายและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำได้มากขึ้นแน่นอน

การทำ SEO ให้รูปภาพ มีขั้นตอนทั่วไป 3 ข้อ

ชวนรู้จัก Google search Console 2019

ชวนรู้จัก Google search Console 2019

การทำเว็บไซต์ออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จในยุค 2019 จำเป็นต้องรู้จักเทคนิค การทำ SEO ที่เหมาะสม รวมถึงโปรแกรมที่สามารถช่วยให้วิเคราะห์ได้ว่าเว็บไซต์ของคุณมีจุดบกพร่องตรงไหน เพื่อการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น จะทำให้มีความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจออนไลน์เจ้าอื่นได้ดีขึ้นตามไปด้วย

Google search Console จัดเป็นเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ SEO ที่สำคัญที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยสามารถที่จะหาจุดบกพร่องและข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณแล้ว วิเคราะห์ออกมาเป็นตัวเลข กราฟและเปอร์เซ็นต์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อนำไปใช้ในการทำงานได้จริง

หลังจากการติดตั้ง Google search Console แล้วสามารถที่จะกดปุ่ม start เพื่อเข้าสู่การใช้งาน Google search Console โดยสามารถเลือกโดเมนที่จะให้ระบบทำการวิเคราะห์ทั้งทางเว็บไซต์ หรืออาจจะเลือก URL Prefix เพื่อให้วิเคราะห์บางส่วนในโดเมนย่อยก็ได้

การใช้งานต่าง ๆ ใน Google search Console ที่ควรทราบ มีดังนี้

1. Performance

เป็นส่วนที่แสดงประสิทธิภาพการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ของเว็บไซต์ว่าสามารถสื่อสารได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด ย่อมสัมพันธ์กับยอดขายสินค้าและบริการในแต่ละวันด้วย ซึ่งจะมีรายละเอียดอื่นที่ช่วยขยายตลาดธุรกิจได้ เช่น ประเทศภูมิภาคของผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ อัตราเฉลี่ยในการคลิกหรือ CTR (click through rate) ที่มีความหมายว่า เมื่อมีคนเห็นชื่อเว็บไซต์ของคุณจากการสืบค้นแล้วจะมีกี่คนที่คลิกเข้ามาชมข้อมูลในเว็บไซต์ ถ้าค่า CTR สูง ก็จะแสดงถึงโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้นตามไปด้วย

2. URL Inspection

เป็นความสามารถใหม่ที่ Google ได้ทำขึ้น เพื่อที่จะแจ้งให้กับผู้พัฒนาเว็บไซต์ได้ทราบว่า ระบบ algorithm ของ Google ได้มีการเข้ามาเก็บข้อมูลเชิงเทคนิคครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ เพื่อที่จะได้ดูว่าผลจากการทำ SEO มีการอัปเดตมากน้อยเพียงใด ทั้งยังมีคำอธิบายที่ช่วยบอกข้อบกพร่องว่าเว็บไซต์คุณว่ามีจุดอ่อนตรงไหนอีกที่ควรจะปรับปรุง เพื่อให้อันดับ SEO สูงขึ้นได้ นับว่าเป็นส่วนที่มีประโยชน์มากในยุค 2019

3. Mobile usability

เป็นค่าตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่ามีผู้ใช้งานเว็บไซต์คุณผ่านระบบโทรศัพท์มือถือมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากมีการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือได้มาก ก็จะแสดงว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ใช้งานผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ติดตามตัวมากขึ้น นำไปสู่การวิเคราะห์ที่จะขยายแบรนด์ผ่านหน้าจอโทรศัพท์สู่คน GenY และ GenZ ได้มากขึ้น ทำให้เพิ่มโอกาสเติบโตให้แก่แบรนด์ธุรกิจของคุณในระยะยาว

จะเห็นได้ว่า Google search Console เป็นตัวช่วยที่สำคัญในการทำธุรกิจขายสินค้าและบริการออนไลน์ในเว็บไซต์ SEO ยุคใหม่ หวังว่า บทความนี้จะเป็นข้อมูลพื้นฐานให้ทุกท่านนำไปต่อยอด และปรับใช้กับการทำเว็บไซต์ออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นในระยะยาว

การใช้งานต่าง ๆ ใน Google search Console ที่ควรทราบ

SEO คืออะไร จำเป็นแค่ไหนสำหรับคนทำเว็บไซต์ 2019

SEO คืออะไร จำเป็นแค่ไหนสำหรับคนทำเว็บไซต์ 2019

สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่กำลังเข้าสู่วงการเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ อาจเคยได้ยินการแนะนำจากกูรูทางการตลาดให้ทำ SEO ซึ่งยังไม่มีความเข้าใจมากพอ ทำให้มีความสงสัยว่าการทำ SEO นั้นจำเป็นหรือไม่สำหรับธุรกิจของท่าน

เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญเพื่อให้ทุกท่านที่กำลังเริ่มทำเว็บไซต์ออนไลน์ ได้เข้าใจ SEO มากขึ้น และตอบได้ด้วยตัวเองว่า SEO จำเป็นแค่ไหนสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจของท่าน ดังนี้

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการประชาสัมพันธ์การตลาดให้กับเว็บไซต์ของคุณ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้แค่ Search Engine และบริษัทโฆษณา เนื่องจากเป็นการพัฒนาเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ Search Engine อย่าง Bing, Yahoo และ Google กำหนด ในสองส่วนต่อไปนี้

1. On-Page SEO เป็นการทำให้เว็บไซต์ใช้ง่ายและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้แก่

การจัดหมวดหมู่ของสินค้าให้ชัดเจน แยกออกจากโฆษณาแบนเนอร์

การใช้สี ธีม ตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้สร้างความจดจำและสบายตาในการอ่าน

ใช้ Keyword ที่ได้จากการวิจัย ว่าตรงกับการค้นหาของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น คุณขายปริ้นเตอร์ออนไลน์ก็ควรใช้ “ปริ้นเตอร์ ออนไลน์ + รุ่นยี่ห้อ” ให้ชัดเจน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาปริ้นเตอร์รุ่นดังกล่าวสืบค้นจากเว็บไซต์ของคุณได้โดยเร็ว

ทำบทความที่มีคุณภาพจากการใช้ Keyword SEO ที่เหมาะสม จะทำให้ผู้เข้ามาสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ได้ทั้งความรู้และความประทับใจ ส่งผลทำให้อยากกลับเข้ามาใช้บริการในเว็บไซต์ซ้ำอีก

SEO จำเป็นแค่ไหนสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจ

2. Off-Page SEO เป็นการเชื่อมโยง ลิงก์ ระหว่างเว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณกับเว็บไซต์ภายนอก เพื่อเพิ่ม Traffic ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต เข้ามาสู่เว็บไซต์ของคุณ

ตัวอย่างเช่น การที่คุณไปตอบคำถามให้ผู้ที่ต้องใช้งานปริ้นเตอร์ เช่น นักเรียนนักศึกษา หรือแม้แต่ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ในเว็บไซต์ Pantip หรือในกลุ่ม Facebook เกี่ยวกับการเลือกปริ้นเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละแบบ ทั้งปริ้นเตอร์ Inkjet และแบบเลเซอร์

เมื่อมีผู้สนใจสินค้า คุณก็สามารถให้ URL Address ไว้ได้ จะเป็นช่องทางที่ทำให้ได้ฐานลูกค้าและเพิ่มอันดับ SEO ในการสืบค้นได้เป็นอย่างดี

การทำ SEO ทั้งสองส่วนอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ผลการประเมินคุณภาพเว็บไซต์จาก Search Engine อย่าง Bing, Yahoo และ Google สูงขึ้น และทำให้เมื่อมีผู้ใช้ Keyword ที่ตรงกับคุณกำหนด ในการค้นหาเว็บไซต์ ก็จะทำให้เว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณ ถูกปรากฏเป็นอันดับต้น ๆ ของหน้าต่างสืบค้นหน้าแรกอยู่เสมอ จึงทำให้มีโอกาสได้ขายสินค้ามากขึ้น

จากที่กล่าวมา แสดงว่า การทำ SEO เป็นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์รุ่นใหม่ และต้องเริ่มทำเสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้รองรับต่อการเติบโตทางธุรกิจได้ดีในระยะยาว

ข้อดีของการทำ SEO ให้เว็บไซต์ที่หลายคนยังไม่รู้

ข้อดีของการทำ SEO ให้เว็บไซต์ที่หลายคนยังไม่รู้

การทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์เป็นช่องทางที่ทำให้มีรายได้จากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในไทยและต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันเราอยู่ในยุค 5G ที่มีการเชื่อมโยงกันได้ทั่วโลกหากคุณสามารถทำให้เว็บไซต์ถูกสืบค้นได้ง่ายจาก Search Engine อย่าง Yahoo, Bing และ Google ก็จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization จึงเป็นเทคนิคที่นักการตลาดออนไลน์แนะนำ เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ ซึ่งแตกต่างจากการทำโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์แบบอื่น ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ ดังนี้

1. ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาได้

การใส่ Keyword SEO ลงในหน้าเพจ เพื่อผลิตบทความที่มีคุณภาพ โดยเลือกมาจากสถิติการค้นหาของ Search Engine จะทำให้ทุกครั้งที่มีผู้สืบค้นด้วย Keyword นั้น ๆ ระบบอัลกอริทึมของ Yahoo, Bing Google จะประมวลและนำเสนอเว็บไซต์ของคุณขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งคุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จึงเท่ากับเป็นการโฆษณาเว็บไซต์แบบฟรีนั่นเอง

2. ขายสินค้าได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

โลกออนไลน์มีการเชื่อมโยงตลอดเวลา เกิดการซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 5G นับล้านครั้งทั่วโลก หากคุณทำ SEO อย่างมีคุณภาพ ก็เท่ากับเพิ่มโอกาสในการขายและขยายฐานลูกค้าไปได้อย่างไม่จำกัดวันละ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยเฉพาะหากทำเว็บไซต์เป็นภาษาต่างประเทศ ก็จะทำให้มีโอกาสขายสินค้าให้แก่ลูกค้าต่างชาติได้มากขึ้นกว่าภาษาไทยอย่างเดียว

3. เพิ่มเปอร์เซ็นต์การปิดยอดขาย

การใช้ Keyword SEO ที่เฉพาะเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น คุณขายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ก็ควรระบุคำหรือวลีที่ใช้เป็น Keyword SEO ให้ครบถ้วน ทั้ง ยี่ห้อ รุ่นและสเปคเครื่อง เมื่อผู้ที่กำลังมองหาคอมพิวเตอร์รุ่นนั้นมาพิมพ์ในช่อง Search ของ Yahoo, Bing และ Google ก็จะปรากฏเว็บไซต์ของคุณขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ คุณจึงมีโอกาสขายสินค้าได้มากกว่าเว็บไซต์อื่นที่เลือก Keyword SEO กว้างเกินไป

4. ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

นักธุรกิจหน้าใหม่มักกังวลว่าจะแข่งขันไม่ได้ เมื่อเทียบกับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ของนักธุรกิจจำนวนมากที่เปิดมาก่อน แต่บรรดากูรูการตลาดกล่าวว่า หากคุณทำระบบ SEO ให้กับเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ ย่อมจะเกิดการสะสมข้อมูลให้ระบบอัลกอริทึม (Algorithm) ประมวลและแสดงผลแบบอัตโนมัติ ซึ่งไม่สามารถมีบริษัทหรือแบรนด์ใดผูกขาดตำแหน่งในการนำเสนอผลการสืบค้นได้ นักธุรกิจหน้าใหม่จึงมีโอกาสขายสินค้าได้มากและมีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้นไม่ต่างจากเจ้าตลาดเดิม

การทำ SEO มีข้อดีหลากหลายด้าน ทั้งด้านยอดขาย ขยายฐานลูกค้า สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ฯลฯ หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านเห็นความสำคัญของการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ได้อย่างยาวนาน

เทคนิคที่นักการตลาดออนไลน์แนะนำ

อยากทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต้องรู้จัก SEO และ SEM

อยากทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต้องรู้จัก SEO และ SEM

การทำธุรกิจในปัจจุบันนิยมใช้ช่องทางออนไลน์เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์มือถือและระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อการสื่อสารตลอดจนการหาข้อมูลของสินค้าและบริการตลอด 24 ชั่วโมง การเปิดเว็บไซต์ออนไลน์จึงเป็นที่นิยมเพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและทำให้มีประสิทธิภาพในการแข่งขันกับสินค้าของแบรนด์คู่แข่งได้ดียิ่งขึ้น

การทำ SEO และ SEM จึงเป็นสิ่งที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจมาไว้ที่นี่แล้ว

SEO หรือ Search Engine Optimization

1. การทำ SEO สามารถเห็นผลได้จริง เพีงแต่ต้องใช้เวลา เนื่องจาก SEO เป็นการพัฒนาคุณภาพของเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ระบบ Algorithm ของ Search Engine อย่าง Yahoo และ Google วิเคราะห์เพื่อจัดอันดับเปรียบเทียบกับเว็บไซต์อื่น ๆ ให้ได้อันดับที่สูง เมื่อมีการสะสมข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จากการผลิตบทความ SEO และสร้างสื่อมัลติมีเดียที่ช่วยส่งเสริมการขายที่ดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มาก ก็จะทำให้ได้อันดับในการสืบค้นที่ดียิ่งขึ้นตามมาด้วย

2. การทำเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นระบบโทรศัพท์หน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เนื่องจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะพกพาโทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการหาข้อมูลและสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ แทบทุกที่ 24 ชั่วโมง การทำเว็บไซต์ให้สวยงามและใช้งานง่าย โดยไม่จำกัดเครื่องมือทางเทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

3. การเชื่อมโยงลิงก์ของเว็บไซต์ภายนอกกับเว็บไซต์ทางธุรกิจ จะทำให้เข้าถึงผู้ที่กำลังประสบปัญหาต้องการคำแนะนำหรือมองหาสิ่งช่วยอำนวยความสะดวกอยู่ หากคุณมีความรู้และมีความถนัดในเรื่องเหล่านั้น ก็สามารถที่จะเข้าไปแนะนำตอบคำถามและแนบ Link ของเว็บไซต์คุณ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่นำไปสู่การขายสินค้าในอนาคตได้

SEM หรือ Search Engine Marketing

เป็นการประมูลพื้นที่ในการโฆษณาเว็บไซต์ ในอันดับ 1-5 ของหน้าต่างการสืบค้น จะทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่พิมพ์ Keyword ค้นหา และทำให้มียอดการขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการทำ SEM จะมีค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของการประมูลและจ่ายเพิ่มตามจำนวนครั้งของผู้ชมที่คลิกเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณ เรียกว่าเป็นการจ่ายแบบ PPC หรือ Pay Per Click ที่คุณจะต้องมีการตั้งงบประมาณไว้ให้พร้อมเสมอ ดังนั้นโดยภาพรวม การทำ SEM จึงเห็นผลเร็ว แต่ก็เสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำ SEO

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO และ SEM มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน คุณสามารถที่จะนำมาทั้งสองเทคนิคมาปรับประยุกต์ใช้แบบผสมผสานกันได้ หวังว่าบทความนี้จะทำให้ท่านที่สนใจการทำธุรกิจนำไปเป็นแนวทางในการศึกษาเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้นต่อไป

การทำ SEO และ SEM

SEO สำคัญกับ content ออนไลน์ ยังไง

บทความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า

การนำเสนอธุรกิจทาง “หน้าบ้านออนไลน์” ด้วยการทำ SEO ที่มีคุณภาพ เป็นสิ่งสำคัญของนักการตลาดยุคใหม่ เรียกว่า “ขาดไม่ได้” ในการช่วยเพิ่มโอกาสการขาย เนื่องจากเป็นช่องทางที่ให้ข้อมูลด้านสินค้าและบริการของธุกริจได้อย่างรวดเร็วสะดวกและส่งตรง (direct) ถึงลูกค้าได้ในเสี้ยววินาที เมื่อคลิกลิ้งค์เว็บเพจต่าง ๆ การทำ SEO ที่มีเนื้อหา หรือ content ที่สมบูรณ์ ให้ข้อมูลรอบด้านทั้งส่วนสินค้าและบริการ เทรนด์หรือกระแสที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับข้อมูลเชิงการเปรียบเทียบระหว่างรุ่นสินค้า เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากขึ้น เช่น การทำเว็บไซต์ขายอาหารเสริม ก็ควรมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ โรคหรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ หากกลุ่มลูกค้าเป็นคนทำงาน ก็ควรให้ความรู้เรื่องโรคออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) หากมีโรคใหม่ วัคซีน หรือเป็นช่วงที่มีโรคใดระบาด ก็ควรใส่ใจเพิ่มเนื้อหาที่อัพเดตทันสมัยลงไปด้วย

การทำ SEO ในบทความที่มีคุณภาพ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีต่อภาพลักษณ์ธุรกิจ ทั้งนี้ควรเลือกผู้เขียน content SEO ที่มีคุณภาพ รู้ลึกรู้จริงในศาสตร์นั้น ๆ เช่น ด้านสุขภาพ ยา โรค วิตามิน อาหารเสริม ก็ควรให้แพทย์ เภสัชกร หรือนักวิทยาศาสตร์สายสุขภาพ เป็นผู้เขียนบทความ เป็นต้น ทั้งนี้ การมีข้อมูลเชิงวิชาการชัดเจน แต่เขียนด้วยภาษาเข้าใจง่าย อ่านแล้วเพลิดเพลิน นับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงใจ จึงจำเป็นต้องเลือกมืออาชีพในการเขียนบทความด้วยเช่นกัน

บมความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า

การทำบทความ SEO ที่มีคุณภาพ จึงสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าและส่งผลบวกต่อยอดการขายทั้งระยะสั้นและระยะยาว และทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่ากำลังถูกยัดเยียดขายหรือ hard sale จนไม่มั่นใจในข้อมูลที่นำเสนอ จะเห็นได้ว่า การทำ SEO จึงต้องใส่ใจคุณภาพ หรือ quality ของบทความอย่างยิ่ง ซึ่งจะสัมพันธ์ชัดเจนต่อการแชร์และทัศนคติของลูกค้า ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่าได้ผลในการเพิ่มยอดขายและเพิ่มผู้ติดตามได้ดีและยั่งยืนกว่าการใช้กลยุทธิ์เดิม ๆ คือ การแลกลิ้งค์ ซึ่งหลายครั้งมักเชื่อมไปสู่เว็บไซต์ที่ไม่ค่อยให้สาระประโยชน์ที่ดีกับผู้ปริโภคกลุ่มเป้าหมาย กรณีแบบนี้ก็จะไม่ได้เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจแต่อย่างใด ดังนั้น เราจึงควรเลือกผู้เชี่ยวชาญในการทำ SEO เว็บไซต์และเขียนบทความคุณภาพ และให้ระยะเวลาในการปรับปรุงเว็บไซต์ในด้านต่าง ๆ พร้อมกัน ได้แก่

SEO สำคัญกับ content ออนไลน์ ยังไง

การปรับผังโครงสร้างให้เป็นระเบียบตามแนวทางที่ search engine กำหนด

การสะสมเนื้อหาคอนเทนต์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและให้ความบันเทิงในเวลาเดียวกัน

การปรับลิ้งค์ ให้เหมาะสมกับธุรกิจ

เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถไต่ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยการสะสมดาต้า (data) ใหม่ ๆ ลงในระบบสืบค้น ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี ขึ้นกับกระแสและประเภทของธุรกิจ

วิธีทำ SEO ดีที่สุดคือเขียนบทความมีคุณภาพ

ขั้นตอนก่อนเริ่มเขียนบทความ

เป็นที่รู้กันว่าปัจจัยสำคัญของการทำ SEO คือการเขียนบทความที่มีคุณภาพ แต่คำว่าคุณภาพหมายถึงอะไร แน่นอนว่าบทความที่ดีต้องมีเนื้อหาน่าอ่านและตรงกับความสนใจ ถ้าเว็บไซต์จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ลูกค้าย่อมสนใจบทความเกี่ยวกับไมโครเวฟใช้ปรุงอาหารเมนูใดได้บ้าง ทิปการทำความสะอาดเครื่องดูดฝุ่น เคล็ดลับการใช้เครื่องไฟฟ้าให้ประหยัดไฟ หากนำบทความอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น ฝึกโยคะลดน้ำหนักเห็นผลเร็ว หรือจัดกระเป๋าเดินทางแนวแอดเวนเจอร์อย่างไร เป็นคอนเทนต์ที่มีประโยชน์และมีเนื้อหาสนุกน่าสนใจแต่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ขายอยู่ในเว็บไซต์ จึงถือว่าไม่เกี่ยวข้องและผิดกับหลักเกณฑ์ของทาง Google ในการจัดอันดับเว็บไซต์นั่นเอง

ขั้นตอนก่อนเริ่มเขียนบทความ

ก่อนจะเริ่มเขียนบทความ อันดับแรกต้องรู้ความต้องการของผู้อ่าน เลือกหัวข้อเป็นที่นิยมในตลาดสินค้าของเราก่อน ถ้าคุณเปิดเว็บขายเสื้อผ้าออนไลน์ ควรเน้นหมวดเทรนด์การแต่งกาย เครื่องประดับ เครื่องสำอางและความสวยงามที่เกี่ยวข้องกัน พยายามวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านเพื่อนำมาเขียนสิ่งที่ลูกค้าต้องการรู้มากที่สุด ไม่จำเป็นต้องใช้ศัพท์เทคนิคมากนัก เขียนอย่างสนุกและใช้ภาษาถูกต้องเข้าใจง่าย มีครบทั้งสาระและความบันเทิง ทำให้อ่านแล้วติดใจต้องกลับมาใช้งานอยู่เสมอ

ในด้านความยาวของบทความแบ่งออกเป็น 3 ระดับ เริ่มจากขั้นต่ำ 300 คำเป็นบทความเรื่องทั่วไป ขยับมาเป็น 500 คำถือว่ามีความยาวพอดีสำหรับใส่เนื้อหาที่มีประโยชน์และได้ความสนุกด้วย มีความยาวในระดับที่ผู้อ่านไม่เบื่อไปเสียก่อน แต่ถ้าต้องการเน้นรายละเอียดมากขึ้น ความยาวไม่ควรเกิน 700-1,000 คำ ซึ่งถือว่าค่อนข้างยาวไปสำหรับการแสดงเนื้อหาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เพราะคนรุ่นใหม่เน้นการดูคลิปวิดีโอหรือรูปภาพที่สื่อให้เข้าใจง่ายและประหยัดเวลาด้วย

วิธีทำ SEO ดีที่สุดคือเขียนบทความมีคุณภาพ

บทความขนาด 300-500 คำมีเนื้อหาความยาวที่มีการจ้างเขียนบทความมากที่สุด ส่วนบทความที่ยาวอาจมีตั้งแต่ 750 คำไปจนถึง 1,500 คำ การเขียนให้เป็นบทความที่มีคุณภาพไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะข้อตำหนิที่พบมากเป็นเรื่องคำซ้ำและคำฟุ่มเฟือยที่จะต้องตัดคำออก ขัดเกลาสำนวนภาษาให้กระชับและถ้อยคำสละสลวย จัดแบ่งโครงสร้างเนื้อหาเป็นย่อหน้า แบ่งวรรคตอนสวยงามน่าอ่าน พยายามสรุปใจความในแต่ละย่อหน้าแต่จะต้องเชื่อมโยงเนื้อหากับย่อหน้าอื่น ๆ มีคีย์เวิร์ดกระจายอยู่อย่างเหมาะสม การเขียนบทความจะต้องไม่ลอกเลียนแบบหรือซ้ำใคร นำไปโพสต์เชื่อมโยงกับโซเชียลมีเดีย เช่น Faccebook, Line, Instagram เมื่อคนอ่านพึงพอใจจะกดไลค์ กดแชร์ให้ ช่วยสร้างลิงก์ย้อนกลับมาเว็บไซต์มากขึ้น ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์อย่างแน่นอน

แม้ว่าการจ้างเขียนบทความจะมีราคาไม่แพง ทั้งยังสะดวกรวดเร็วด้วย แต่หลายเว็บไซต์หรือบล็อกนิยมเขียนบทความด้วยตัวเอง เพราะสามารถนำความรู้ทางธุรกิจมาตอบโจทย์คำถามลูกค้าของตนได้ดีที่สุด หากยังคิดไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไร หรือเขียนอย่างไร ให้เปิดดูเว็บไซต์ของคู่แข่งทางธุรกิจ อ่านบทความของเขาเป็นแนวทาง แต่ให้เขียนประเด็นที่ตนเองรู้และวิเคราะห์จากความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของตนเป็นหลัก

การทำ SEO ไม่ใช่เรื่องไกลตัว รู้ไว้ได้เปรียบ

พื้นฐานการทำ seo

ทุกวันนี้คนขายสินค้าทางออนไลน์กันมาก ต้องการอะไร ก็เพียงใส่คำค้นหาลงไปในกูเกิ้ล สิ่งที่ค้นหาก็จะปรากฏออกมาให้เห็นทั้งสินค้าจำหน่ายในประเทศและนอกประเทศ มีระบบธุรกรรมออนไลน์บนมือถือ ซื้อง่ายจ่ายคล่อง ทำให้นักธุรกิจหน้าใหม่สนใจเข้ามาแย่งชิงพื้นที่ตลาดการค้าบนอินเทอร์เน็ต จำนวนคู่แข่งที่มากทำให้กระตุ้นยอดขายหรือเปิดตัวให้ลูกค้าใหม่รู้จักเป็นเรื่องยาก หากผู้ประกอบการทำ SEO จะมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น หลายคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องซับซ้อน ยุ่งยาก แต่ความจริงแล้วพบว่าการทำ SEO ก็คือคีย์เวิร์ดที่ใช้ค้นหาบนกูเกิ้ลซึ่งเชื่อมโยงกับคีย์เวิร์ดของสินค้า บริการ หรือแม้แต่บทความในเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมนั่นเอง

SEO อยู่ไม่ไกลตัวคุณ

ในเมื่อการทำ SEO ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทั้งยังเคยมีประสบการณ์ใช้งานอยู่อย่างคุ้นเคย จึงไม่ควรกังวลว่าจะเข้าใจมันยาก พื้นฐานของการทำ SEO และทำเว็บไซต์ตลอดจนสื่อสังคมออนไลน์ดูจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกับการทำ SEO ไปแล้ว ควรสังเกตและเรียนรู้ว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้นทำอย่างไรจึงเข้าถึงลูกค้า สร้างแรงจูงใจและปิดการขายได้รวดเร็วตามที่คิดไว้ ก่อนอื่นเรามาพิจารณาในเรื่องเนื้อหาบทความที่ใส่ไว้ในเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการอัพเดทเรื่องราวที่สดใหม่ ควรพิจารณาเลือกบทความที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมโยงให้เกิดความสนใจและต้องการซื้อในภายหลัง

จากประสบการณ์ของคนทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ส่วนใหญ่พบว่าไอเดียในการนำเสนอสินค้าของเราดี มีเนื้อหาบทความที่น่าสนใจ แนะนำให้เห็นความสดใหม่และแปลกของผลิตภัณฑ์ แต่เพราะจุดด้อยในข้อที่มีงบประมาณจำกัด ไม่สามารถผลิตสินค้าออกมาจำนวนมาก เป็นผลให้ต้นทุนการผลิตต่อชิ้นสูง ราคาของสินค้าจึงต้องสูงตามไปด้วยเพื่อให้เกิดผลกำไรและอยู่รอดได้ การเขียนบทความจึงเป็นช่องทางเอาตัวรอดเพื่อเน้นอธิบายให้เข้าใจว่าสินค้าของเรามีดีอย่างไร แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร ทำไมต้องเลือกเรา โดยชูจุดขายด้วยความแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร ยังไม่มีใครทำมาก่อน หรือจำนวนผลิตจำกัด ใช้เป็นจุดเด่นที่เพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้า ช่วยให้รู้สึกว่าราคาสูงไปนิดแต่ซื้อมาแล้วเกินคุ้ม หาคำตอบที่ดีให้กับตัวเองและลูกค้า ถือเป็นเคล็ดลับที่ช่วยให้สตาร์ทอัพหลายคนประสบความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าราคาที่ตั้งไว้สูงเกินไป ไม่ต้องกลัวยอดขายต่ำหรือขายขาดทุน

เล่าถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่าบทความน่าจะมีเนื้อหายืดยาวแทบตีพิมพ์เป็นพ็อกเกตบุ๊กได้ เคล็ดลับอย่างหนึ่งของการทำคอนเทนต์ให้มีคุณภาพและเหมาะกับการทำ SEO คือ เนื้อหาที่กระชับและแน่น ไม่สั้นเกินไปจนใส่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ไม่หมด การเขียนบทความยาวหลายพันคำก็ไม่น่าอ่าน ทั้งยังโหลดบนอุปกรณ์มือถือได้เร็วด้วย ระยะเนื้อหาบทความ 1,000 คำ เป็นความยาวระดับที่ติดอันดับท็อปมากที่สุด เรียบเรียงให้ดี น่าอ่าน รวบรวมคุณสมบัติ เสนอประโยชน์และตอบโจทย์ความสนใจของผู้อ่าน จะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะแนะนำธุรกิจให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและมีโอกาสแข่งขันได้ดีขึ้น

การตลาดกับseo